ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


watnongmuang.com

FAN PAGE!!

 
Reply to this topicStart new topic
> หลวงปู่พิมพ์มาลัย ต้นตำรับวิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์
Witwatarun
โพสต์ Aug 5 2011, 04:09 PM
โพสต์ #1


Advanced Member
***

กลุ่ม : Root Admin
โพสต์ : 1,203
เป็นสมาชิกเมื่อ : 29-June 07
หมายเลขสมาชิก : 3





หลวงปู่พิมพ์มาลัย อดีตเจ้าอาวาสวัดหุบมะกล่ำ




หลวงปู่พิมพ์มาลัย วัดหุบมะกล่ำ ต้นตำรับแห่ง เข็มทองคนองฤทธิ์

ปฐมบท อานุภาพแห่งเข็มทองคนองฤทธิ์

สิ่งที่จะนำเสนอต่อท่านผู้อ่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของไสยเวท ที่เป็นภูมิปัญญาสยามที่อาจหาญกล่าวได้เต็มอย่างปากว่า เป็นของจริง และพิสูจน์ที่ไหน เมื่อใหร่ก็ได้ ไม่ใช่ลมปากที่พ่นออกไป และหาสาระพิสูจน์ไม่ได้ จนลูกหลานชาวสยามบางหมู่ที่หลงไหลภูมิปัญญา ขยะของชาติตะวันตกที่ไม่ใช่เครือญาติ ของพวกเขากล่าวหยามหยันสิ่งที่พวกเขาไม่เคยสัมผัส หรือจะคิดจะเข้ามาพิสูจน์จน เป็นการปรามาท บรรพชนเทือกเถาเหล่ากอของเขาเอง วิชาไสยเวทที่กล่าวถึงนั้น คือวิชาเข็มทองคนองฤทธิ์ ภูมิปัญญาตันตระแห่งสยามในอดีต ที่ผ่านพ้นกาลเวลามาพิสูจน์สัจจะแห่งศาสตร์ในปัจจุบัน

วิชาเข็มทองที่กล่าวถึงอย่าเพิ่งคิดว่า เป็นการฝังเข็มเพื่อรักษาโรคอย่างชาวจีนโพ้นทะเล เขาทำกัน แต่เป็นวิชาไสยศาสตร์สาขาหนึ่ง ที่มีอานุภาพอเนกประการ ซึ่งก่อนจะสาธยาย ถึงรายละเอียดจะขอนำท่านผู้อ่านไปรู้จัก ประวัติพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่ง แม้ว่าท่านจะ ละสังขารแล้วแต่เรื่องราวของท่าน เป็นตำนานสะท้านวงการไสยเวท สยามมาจนถึงปัจจุบัน พระเถระผู้ทรงอิทธิจิตรูปนั้นมีนามว่า หลวงปู่พิมพ์มาลัย แห่งวัดหุบมะกล่ำ ปรามาจารย์ วิชาเข็มทองคนองฤทธิ์ แห่งสยามยุค รัตนโกสินทร์ วัดหุบมะกล่ำตั้งอยู่บ้านหนองรี ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ถ้าเราเดินทางจากกรุงเทพฯไปทางถนนเพชรเกษมก็อยู่ราวประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่จะมีมาแต่ครั้งสมัยอยุธยาหรือไม่นั้นยังไม่พบหลักฐาน บรรดาโบราณวัตถุที่ พบก็บอกหลักฐานเพียงว่าสมัยรัตนโกสินทร์แต่วัดนี้นับว่าน่าจะก่อตั้งมานานกว่า เพราะพบตำราสรรพวิชาสาขาต่างๆมากมาย ทั้งที่เป็นภาษาขอมและมอญก็มีให้เห็นและที่มีอายุนานนับร้อยปีก็หลายเล่ม

หลวงปู่พิมพ์ (มาลัย) พื้นเพท่านเป็นคนหนองรีโดยกำเนิด โยมบิดาชื่อว่า พา โยมมารดาชื่อ อ่วม เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีท่านเกิดในสกุล มาลัย ประมาณ พ.ศ.2441 ที่บ้านหนองรีนี่เอง ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 5 คน ชิวิตในวัยเยาว์ท่านดำเนินอย่างเรียบง่ายเหมือนชาวชนบททั่วๆ เมื่ออายุครบเกณฑ์ท่านได้เข้าเป็นทหารรับใช้ชาติในหน่วยเสนารักษ์ในจังหวัดราชบุรี และอยู่ต่อเรื่อยมาจนประมาณ๖ปีก็เกิดเบื่อหน่ายในฆารวาสวิสัย ชะรอยจะเป็นบารมีที่ท่าน สร้างสมมาในอดีตจึงมีวาสนากับผ้ากาสาวพัสตร์ นิยมในเพศบรรพชิตจึงลาออกจากทหาร มาอุปสมบทที่วัดตโหนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี โดยมี พระอาจารย์แช่ม วัดบางนาเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปูทองศุข อินทโชโต วัดตโหนดหลวง(พระเถระรูปนี้ท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคมที่ยิ่งยงมากท่านหนึ่ง) เป็นพระกรรมวาจา เมื่ออุปสมบทแล้ว พระอุปัชฌาย์ให้ฉายาว่า มาลโย เมื่อท่านหลวงปู่พิมพ์ซึ่งขณะนั้นเป็นภิกษุใหม่ก็ได้ร่ำเรียนพระวินัย และปริยัติตามแนวทางแห่ง พระพุทธศาสนาอย่างคร่ำเคร่ง แล้วท่านยังได้รับความเมตตาถ่ายทอด วิชาไสยเวทย์จากหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง ซึ่งถือว่าเป็นพระคณาจารย์ ที่มีชื่อเสียงและบารมีมากรูปหนึ่งในสยามขณะนั้น




เข็มทองที่ปลุกเสกแล้ว



ถึงขนาดมีการร่ำลือว่าผู้ที่มีบุญบารมีสูงยิ่งของประเทศในขณะนั้น ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์ จนเป็นตำนานเล่าขานกันมาถึงปัจจุบัน อาจเป็นเหตุที่หลวงปู่พิมพ์ ท่านมีศักดิ์เป็นหลานสนิทของหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนหลวง โดยที่โยมมารดา ของท่านเป็นพี่สาวหลวงปู่ทองศุข จึงทำให้ท่านได้รับความเมตตามากเป็นพิเศษ ท่านหลวงปู่พิมพ์ แม้จะมีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ทองศุขท่าน ก็ไม่ถือดีกลับตั้งมั่นมุ่งมานะฝึกฝนเล่าเรียนสรรพวิชาที่ หลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง เมตตาสั่งสอนให้โดยไม่ปิดบังอำพราง ด้วยความวิริยะ และบุญบารมี ที่ท่านหลวงปูพิมพ์ สั่งสมมาในอดีต ไม่นานท่านก็สำเร็จวิชาต่างๆทำได้เข้มขลังจนเป็นที่ไว้วางใจ ของหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวง ขนาดให้หลวงปู่พิมพ์ (ซึ่งยังเพิ่งบวชได้ไม่นาน) เป็นอาจารย์สักยันต์ครู หลวงปู่ทองศุข (ตอนท่านก็ยังมีชิวิตอยู่)จนรวบรวมปัจจัยก่อสร้างกุฏิ วัดตโหนดหลวงได้ถึงสองหลัง (พ.ศ.2481) นับว่าท่านหลวงปู่พิมพ์เป็นผู้หนึ่ง ที่สำเร็จวิทยาคมในตำหรับ หลวงปู่ทองศุข โดยหลวงปู่ทองศุข เอง เป็นผู้ให้ความไว้วางใจ หลังจากที่ท่านได้สำเร็จวิทยาคุณในสายหลวงปู่ทองศุข วัดตโหนดหลวงแล้ว ท่านยังเป็นผู้ใฝ่การศึกษาก็ขวนขวายหา พระอาจารย์องค์อื่นๆเพื่อร่ำเรียนวิทยาคมต่อไป ในสมัยนั้นมีพระเถระรูปหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรีที่ยิ่งยง ด้วยวิทยาคมที่แปลกประหลาด หาวิทยาคมสายใดจะเทียบเคียงได้ยาก ด้วยวิทยาคุณ ที่ประสิทธิให้ศิษย์ มีความพิศดาร และเป็นลักษณะเฉพาะและเป็นวิชาสูงสุดทางไสยเวทสยาม แขนงหนึ่ง นั่นคือวิชาฝังเข็มทองคนองฤทธิ์นั่นเอง พระเกจิอาจารย์รูปนี้ ชื่อพระอาจารย์สมพงษ์ วัดหนองไม้เหลือง จังหวัดเพชรบุรี ในสมัยนั้นมี ผู้มาฝากตัวเรียนวิชาเข็มทองนี้ กับพระอาจารย์สมพงษ์กันเป็นจำนวนมาก แต่หาผู้ที่สำเร็จยากมาก เพราะต้องมีมานะบากบั่นทำจริง ฝึกกันจริงๆจึงจะสำเร็จได้ การฝังเข็มเป็นไสยเวท ที่มีมาช้านาน และเป็นความเชื่อของคนในสมัยนั้น การฝังเข็มนี่มีหลายตำรา ว่ากันทั้งเข็มเย็บผ้า เข็มสามกษัตริย์ เข็มสัตตะโลหะ แต่มักเป็นเข็มตาย คือฝังแล้วอยู่กับที่แบบฝังตะกรุด กับหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ เมืองโคราช แต่วิชาที่หลวงปู่พิมพ์ที่ท่านเรียน กับพระอาจารย์สมพงษ์นี้พิสดารกว่าครับ คือหากทำสำเร็จแล้วเข็มทองคำ ที่ประจุอาคมเมื่อฝังผ่านชั้นหนังจะแสดงอิทธิคุณ เหมือนมีชีวิตพลิกตัวระเบิดเนื้อด้วยอำนาจอาคม ไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ผู้ฝังได้โดยไม่เกิดอันตรายใดๆ เข็มนี้ไปได้ทั่วตัวเว้น ตากับหัวใจ ที่ลงอาคมกรึงไว้ อย่างแน่นหนา และเป็นเคล็ดสำคัญที่วิทยาคมสำนักอื่น มิอาจถอดถอนได้เลย เรื่องเข็มที่วิ่งไปได้ทั่วตัวนี่ไม่ใช่เรื่องที่คุยกันเล่นๆ มีหลักฐานที่เป็นประจักษ์พยานโดยการถ่ายพิมพ์เอกเรย์มาแล้ว และผู้ที่ฝังเข็มหาก ถือองค์ภาวนาได้ จะสามารถเรียกเข็มทอง ให้ระเบิดเนื้อไปที่ส่วนใดๆของร่างกายโดยไม่เป็นอันตรายได้ เป็นความมหัศจรรย์อย่างเอกอุ ของวิทยาคมสายนี้ ส่วนอานุภาพของเข็มทอง เมื่อแสดงอิทธิฤทธิให้ประจักษ์ขนาดนี้




ภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณนิรนาม 1



ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิเศษขนาดไหน เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลยทีเดียว เมื่อท่านหลวงปู่พิมพ์ได้รับ การถ่ายทอดวิชามาจากพระอาจารย์สมพงษ์ แล้วท่านต้องออกธุดงค์ เพื่อหาที่สงัดบำเพ็ญจิตให้เกิดอานุภาพ จึงจะสำเร็จวิชานี้ได้เพราะวิชานี้ หากพลังจิตไม่เข้มแข็ง อย่างเอกอุสุดยอดแล้ว จะไม่สามารถทำให้เข็มที่ฝังแสดงอานุภาพได้เลย การฝึกฝนผู้เรียนต้องเพียรภาวนา ตามเคล็ดวิชาจนจิต มีกำลังเข้มแข็ง จึงจะทำให้เข็มทอง ที่เสกในน้ำมันงา ลอยขึ้นมาได้จึงจะถือว่าสำเร็จและ เข็มที่ประจุอาคมจนสำเร็จแล้ว จะมี สภาพเป็นทิพย์เดินเหินไปมาเองได้เป็นอัศจรรย์ เล่ามาถึงตรงนี้ขอยืนยันอีกครั้งว่า จริงทุกคำและพิสูจน์ได้ด้วย หลวงปู่พิมพ์ฝึกฝนวิชาเข็มจนเชี่ยวชาญ ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ผลแห่งความพากเพียรของท่าน ขนาดพระอาจารย์สมพงษ์ วัดหนองไม้เหลือง ผู้ประสิทธิวิชาเข็มทองให้ยังยกย่องท่านว่า ทำได้ดีกว่าอาจารย์เสียอีก หลังจากสำเร็จ วิชาเข็มทอง ท่านหลวงปู่พิมพ์ได้ธุดงค์ เพื่อฝึกฝนจิตให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ในดินแดนกระเหรี่ยงถึง 17 ปี จนพูดภาษากระเหรี่ยงได้ เรียกว่านานพอสมควรทีเดียว ในระหว่างการเดินธุดงค์ ก็คงเหมือนพระรุกขมูลท่านอื่นๆ มีเรื่องพิสดารเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งท่านก็มิได้โอ้อวดเพียงเล่าให้หมู่ศิษย์ที่ใกล้ชิดฟัง เพื่อประดับสติปัญญาเท่านั้น คราวหนึ่งท่านธุดงค์ไปบ้านทัพใต้ตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รับอาราธนาจากชาวบ้านท่านได้สร้างวัดขึ้น ในเวลาไม่นานโดยการสนับสนุนของโยม ฉลอง วุฒิวัฒน์ และนายจุรินทร์ ล่ำซำ คหบดีผู้ใจบุญชาวพระนคร และให้ชื่อวัดนั้นว่า วัดมาลัยทับใต้ เพื่อเป็นการรำลึกถึงหลวงปู่พิมพ์จนเท่าทุกวันนี้ ท่านหลวงปู่พิมพ์ธุดงค์เรื่อยมาจนราวพ.ศ.2502 โยมมารดาท่านป่วย ท่านจึงขึ้นจากวัดมาลัย เพื่อดูแล โยมมารดาท่านที่บ้านหนองรี ในช่วงนั้นพอดีวัดหุบมะกล่ำ กำลังทรุดโทรมอย่างหนัก ไม่ว่าโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ เสนาสนะและถาวรวัตถุอื่นๆ เกือบจะหาชิ้นดีแทบไม่ได้ มีหลวงตาแก่ๆชื่อหลวงตาปิ้น ปัญญาพโล(โยมตาพระอาจารย์ป้อมวัดหนองม่วง อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านหุบมะกล่ำ)องค์เดียวเท่านั้น ยิ่งทำอะไรไม่ได้มากคงปล่อยตามยถากรรม ความที่ท่านเป็นเกลอเก่ากับหลวงตาปิ้น และเพื่ออยู่ดูแลโยมมารดาท่าน ท่านจึงปลงใจบูรณะวัดหุบมะกล่ำแต่นั้นมา การที่ท่านธุดงค์ไปเสียนานช่วงแรกๆ




ภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณนิรนาม 2



จึงยังไม่มีศรัทธาจากชาวบ้านมาช่วยเท่าไรนัก ทำให้การบูรณะเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านก็ไม่ย่อท้อด้วยความเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวจริงจัง เรื่องนี้ศิษย์ที่ทันหลวงปู่จะทราบดีทุกคน แววตาของท่านคมกล้ามากไม่เคยมีใครกล้าสบตาท่านแม้สักคนเดียว ไม่มีเลยจริงๆ ท่านลงมือบูรณะทุกอย่างเอง ด้วยตัวท่านใครจะช่วยหรือไม่ ท่านหาใส่ใจไม่ ท่านใช้การกระทำเป็นสิ่งพิสูจน์ความจริงใจ ชาวบ้านเมื่อเริ่มเห็นก็ค่อยๆ เข้ามาช่วยเหลือ คนละไม้คนละมือ วัดหุบมะกล่ำจึงค่อยๆฟื้นคืน สภาพเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ในยามที่ว่างจากการงานโดยเฉพาะ วันพระวันโกนท่านก็ไม่ทิ้งกิจ พระศาสนาได้เทศน์อบรมญาติโยม ความเคารพบูชา ศรัทธา จากชาวบ้านนับวันยิ่งเพิ่มทวี ด้วยคุณธรรมความดีของท่านเป็นที่เห็นประจักษ์ หลวงปู่พิมพ์ท่านครอง วัดหุบมะกล่ำ ประมาณ 17 ปี ตลอดเวลาได้สงเคราะห์ชาวบ้าน และสานุศิษย์ด้วยธรรมะและวิทยาคมต่างๆ ที่ท่านได้ร่ำเรียนมาโดยเฉพาะวิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์ จนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้มีผู้หลั่งไหลมายัง วัดหุบมะกล่ำอย่างไม่ขาดสายและด้วยปัจจัยที่ญาติโยม เหล่านั้นถวายหลวงปู่พิม ท่านได้นำมาบูระณะ วัดหุบมะกล่ำให้เจริญได้อย่าง ผิดหูผิดตากว่าแต่ก่อนมาก เมื่อเข้าวัยชราท่านได้อาพาธ เป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ค่อยสะดวก และล่วงโรยตามอายุขัย ซึ่งเป็นไปตาม กฏแห่งสังสารวัฏ ตามที่พระบรมศาสดาท่านตรัสสอนไว้ว่า เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของโลก




ภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณนิรนาม 3



หลวงปู่ท่านได้ละสังขาร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2519 สิริรวมอายุได้ 78 ปีคงทิ้งไว้แต่คุณความดีและตำนานเข็มทองคะนองฤทธิ์ สุดยอดตันตระแห่งสยาม ให้เป็นที่กล่าวขานแก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป ความศักดิ์สิทธิ์แห่งหลวงปู่พิมพ์มาลัย และวิชาเข็มทองนั้น เป็นที่เลื่องลือโจษขานจนไม่สามารถ นำมาบันทึกได้หมดในที่นี้ บรรดานักเลงหรือคนสู้คนในสมัยนั้น ต่างยอมรับนับถือในอิทธิบารมี ความศักดิ์สิทธิ์แห่ง วิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์ ถ้วนทั่วทุกตัวคน เพราะต่างมีประสบการณ์ชนิดฉกาจฉกรรณ์ อย่างไม่มีพระเกจิอาจารย์รูปใด จะทำได้เสมอเหมือน ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่พิมพ์ เมื่อไม่นานมานี้เคยนำมาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ทีวีสีช่อง๗ ในรายการมิติลี้ลับ จนเป็นที่ล่ำลือกันทั่วประเทศ ประจักษ์พยานที่ยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ มีมากมายทั้งหลักฐาน และตัวบุคคล หากท่านผู้อ่านเป็นนักนิยมพระเครื่องคงรู้จัก หรือได้ยินนามนักนิยมพระเครื่องอาวุโสท่านหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญพระเครื่องในระดับต้นๆของเมืองไทย และยังเป็นผู้รู้กตัญญู ผ่านครูบาอาจารย์มามากมายมาย ทั้งรอบรู้บรรดาสรรพวิชาอาคม เนื่องจากรับการถ่ายทอดจากผู้รู้หลายท่าน ก็ยอมรับและสิโรราบในบารมี แห่งหลวงปู่พิมพ์มาลัย อย่างหมดข้อกังขาว่าเอกอุ เหนือพระคณาจารย์ใดใด ท่านนักนิยมพระเครื่อง ผู้นั้นคือ ท่าน ปรีชา เอี่ยมธรรม นักเขียนและนักนิยมพระเครื่องรุ่นลายคราม ที่หลายคนจะรู้จักในนาม จ่าเปี๊ยก หรือ อาเปี๊ยก ท่านผู้นี้เคยให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์มิติลี้ลับ เรื่องวิชาเข็มทองและยังถ่ายเอกซ์เรย์ปรากฏ





ภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณนิรนาม 4




เข็มทองนับร้อยเล่มวิ่งตามตัว มีภาพหนึ่งที่แปลกมาก แม้แต่แพทย์ยังไม่สามารถอธิบายได้ คือภาพที่เอกซ์เรย์ได้มีภาพเข็มทอง ภาพหนึ่งที่ปรากฏแสงวิ่งเป็นสายยาวตลอดแนว กระดูกซึ่งการถ่ายเอกซ์เรย์ปกติ จะไม่เป็นเช่นนั้นพร้อมกันนี้ผู้เขียนได้เรียนขออนุญาตอาปรีชานำมาเผยแพร่ เป็นประจักษ์พยานยืนยันด้วยครับ ทั้งนี้มิใช่เป็นการอวดอ้างเพื่อหาอามิสใดใด แต่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่จะให้ความจริงของศาสตร์นี้ได้ประจักษ์กับสายตาโลก มิให้ผู้เบาความที่หลงกล่าวตำหนิศาสตร์ เหล่านี้ว่าเป็นของเลือนลอย ได้สำนึกยอมรับใน ความศักดิ์สิทธิ์และภูมิปํญญาของบรรพชน เรื่องที่นำมาเสนอจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมีตัวตนจริง ที่น่าเชื่อถือให้ยืนยันได้ คุณอาปรีชาได้เมตตาเล่าให้ฟังอย่างเลื่อมใส ในหลวงปู่พิมพ์ว่าท่านเองสมัยยังหนุ่มๆ




พระครูวิมลประภากร(หลวงพ่อสวัสดิ์)อดีตเจ้าอาวาสวัดหุบมะกล่ำ



โดยนิสัยที่เป็นคนสู้คน และผ่านภยันตอันตรายมาบ่อยครั้ง จึงต้องแสวงหาบรรดาเครื่องป้องกันตัว จึงแสวงหาพระเครื่อง และเข้าหาพระอาจารย์ที่มีวิชาเข้มแข็งแก่กล้าเพื่อหาของดีนั่นเองหลังจากท่านได้รับก
ารฝังเข็มจาก หลวงปู่พิมพ์ แล้วก็ยังแสวงหาพระอาจารย์เก่งๆอีก คราวหนึ่งท่านไปหาปู่โทน หลำแพร ตาคลี จ. นครสวรรค์ อาจารย์ฆารวาส ผู้ทรงอธิจิตมีวิทยาคุณที่เข้มแข็ง เพื่อขอให้ท่านฝังเข็มทองในสายของท่านให้ ปู่โทนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็บอกว่า อาจารย์ (หมายถึงหลวงปู่พิมพ์) ที่ฝังเข็มทองให้เอ็ง (อาปรีชา) เก่งมากเข็มของข้าสู้เขาไม่ได้ ข้าไม่สามารถฝังเข็มของข้าให้เอ็งได้หรอก ถ้าเอ็งจะฝังเข็มของข้าต้องให้อาจารย์เอ็ง เอาเข็มของท่านออกก่อน แต่อย่าทำเลย เพราะของๆท่าน ประเสริฐอยู่แล้ว




อาจารย์ประคอง รุ่นเจริญ



ลูกศิษย์หลวงปู่พิมพ์ ที่เรียนวิชาเข็มทองจนสำเร็จในช่วงที่หลวงปู่พิมพ์ ยังมีชิวิตอยู่เท่าที่ทราบคือ
1.อาจารย์ประคอง รุ่นเจริญ
2.พระครูวิมลประภากร(หลวงพ่อสวัสดิ์)อดีตเจ้าอาวาสวัดหุบมะกล่ำ มรณะภาพแล้วเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2536




พระอาจารย์ป้อม เจ้าอาวาสวัดหนองม่วง จ.ราชบุรี



ส่วนทายาทรุ่น 2 ที่สามารถฝังเข็มทองคนองฤทธิ์ได้ มี 4 องค์ ได้แก่
1.พระอาจารย์ป้อม(หลานพระอาจารย์สวัสดิ์) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี
2.พระอาจารย์หนุ่ม(ลูกศิษย์อาจารย์ประคอง) วัดบางแวก จ.กทม
3.พระอาจารย์ปุ้ม(ลูกศิษย์พระอาจารย์ป้อม) วัดศาลาแดง จ.กทม
4.พระอาจารย์เจตน์(หลานพระอาจารย์ป้อม) วัดหนองหิน จ.กาญจบุรี


(ป.ล.พิธีฝังเข็มทองจะทำการฝังได้เฉพาะ วันอังคาร,พฤหัสบดี,เสาร์,เท่านั้น ยกเว้นวันที่ตรงกับวันพระงด)
เบอร์โทรศัพท์ วัดหน่องม่วง = 032-351583 มือถือ = 086-0609249


ข้อมูลจาก กะฉ่อนพระเครื่อง


--------------------
อีกหนึ่งบริการใหม่ของเรา หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ในหมวดพระเครื่อง

เพื่อให้เกิดความสดวกสบายสำหรับท่านสมาชิกผู้ใช้บริการของเรา หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ทีมงานหนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม จึงได้เปิดให้บริการใหม่ใน 4 หมวดคือ

1.วัตถุมงคลคณาจารย์ รุ่นต่างๆ(คลิ๊ก)
https://sacred.kachon.com

.....
2.ข่าววงการพระเครื่อง(คลิ๊ก)
https://publish.kachon.com

.....
3.ประวัติพระเกจิอาจารย์(คลิ๊ก)
https://monkhistory.kachon.com

.....
4.ประวัติวัดและพระพุทธรูป(คลิ๊ก)
https://historyoftemples.kachon.com


เป็น 4 หมวดที่เกี่ยวกับพระเครื่องโดยตรงในเว็ปกะฉ่อนดอทคอม ท่านสมาชิกสามารถใช้บริการของเราได้ในเว็ปเดียวโดยไปต้องย้อนกลับไปยังเว็ป https://pra.kachon.com อีกต่อไป ทีมงานหนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านสมาชิกจะได้รับความสดวกสบายและพอใจในบริการใหม่ของเราในครั้งนี้ความสดวกสบายและ
พอใจในบริการใหม่ของเราในครั้งนี้
Go to the top of the page
 
+Quote Post
satsuke1
โพสต์ Nov 30 2011, 08:23 PM
โพสต์ #2


Newbie
*

กลุ่ม : สมาชิกลงทะเบียน
โพสต์ : 1
เป็นสมาชิกเมื่อ : 30-November 11
หมายเลขสมาชิก : 175,179



สุดยอดไปเลย คัฟ


--------------------
Go to the top of the page
 
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic
มี 1 คน กำลังอ่านหัวข้อนี้ (บุลคลทั่วไป 1 คน และ 0 สมาชิกที่ไม่เปิดเผยตัว)
สมาชิก 0 คน คือ :

 




Lo-Fi Version ขณะนี้เวลา : 28th March 2024 - 07:20 PM