ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


watnongmuang.com

FAN PAGE!!

 
Reply to this topicStart new topic
> สุนัขเห่าพระปัจเจกพุทธะ, ขอเล่าเรื่องสัตว์อีกสักตัว คือ สุนัข สุนัขตัวหนึ่งเป็นลูกของนางสุนัข
Witwatarun
โพสต์ Jul 20 2007, 11:10 AM
โพสต์ #1


Advanced Member
***

กลุ่ม : Root Admin
โพสต์ : 1,203
เป็นสมาชิกเมื่อ : 29-June 07
หมายเลขสมาชิก : 3




สุนัขเห่าพระปัจเจกพุทธะ


ขอเล่าเรื่องสัตว์อีกสักตัว คือ สุนัข สุนัขตัวหนึ่งเป็นลูกของนางสุนัขที่นายโคบาลคนหนึ่งเลี้ยงไว้ นายโคบาลพร้อมภรรยาเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธะองค์หนึ่ง และเขาทั้งสองจะถวายข้าวมธุปายาสแก่พระปัจเจกพุทธะเวลาท่านมาบิณฑบาต เมื่อพระปัจเจกพุทธะท่านฉัน ก็แบ่งข้าวให้ลูกสุนัขนั้นกินด้วย มันจึงมีความรักพระปัจเจกพุทธะอย่างยิ่ง เมื่อท่านมาที่บ้านนายโคบาลมันก็จะเห่าต้อนรับ เมื่อท่านจะกลับ มันก็เห่าส่งท่านกลับ

วันหนึ่งนายโคบาลได้ไปยังที่อยู่ของพระปัจเจกพุทธะ เพื่อนิมนต์ท่านไปฉันที่บ้านเป็นประจำ ลูกสุนัขตัวนี้ก็วิ่งตามไป ไล่อย่างไรมันก็ไม่กลับ เมื่อไปถึงที่อยู่พระปัจเจกพุทธะ นายโคบาลจึงกล่าวกับท่านว่า "วันใดผมไม่ว่าง ผมจะให้ลูกสุนัขตัวนี้มารับท่านไปที่บ้าน"

นายโคบาลได้อาศัยลูกสุนัขตัวนี้ไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธะมาที่บ้านเพื่อถวายภัตตาหาร มันก็ปฏิบัติหน้าที่อย่างดี เมื่อพระท่านจะกลับ มันก็ตามไปส่งจนถึงที่พัก ทำอย่างนี้เรื่อยมา

วันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธะท่านตัดสินใจไปอยู่ที่อื่น เพราะไม่อยากเป็นภาระแก่นายโคบาล สุนัขก็ตามไป ครั้นเห็นว่าท่านไม่ไปตามทางเดิน มันก็ไปขวางหน้าไว้ ไม่ให้เดินไป ปากก็คาบจีวรดึงให้พระกลับไปตามทางที่จะไปที่พักท่าน

เมื่อเห็นว่าท่านจะไปที่อื่นจริงๆ มันก็สุดจะทำอะไรได้ จึงได้แต่ยืนแลดูพระปัจเจกพุทธะท่านเหาะขึ้นสู่เวหาสมุ่งตรงไปยังเขาคันธมาทน์ ปากก็เห่าทำนองขอร้องไม่ให้ท่านไป เมื่อพระปัจเจกพุทธะลับสายตา สุนัขน้อยผู้น่าสงสารก็หัวใจแหลกสลายตาย

ว่ากันว่าเพราะความเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้า สุนัขน้อยได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรนามว่า โฆสกเทพบุตร ด้วยอานิสงส์ที่เห่ารับเห่าส่งพระปัจเจกพุทธะเป็นประจำ ก็เลยทำให้เทพบุตรองค์นี้มีเสียงดัง แค่กระซิบอย่างเบาๆ ก็ได้ยินไปทั่วสวรรค์ชั้นฟ้า

นิทานเรื่องนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ที่มองพระผู้สงบด้วยจิตที่เลื่อมใส ย่อมไม่เกิดในทุคติ

มัฏฐกุณฑลี

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เป็นลูกเศรษฐีจอมขี้เหนียว แกมีเงินทองเยอะแยะ แต่ไม่ยอมใช้ และไม่ให้ลูกเมียใช้ เก็บไว้ให้ปลวกกินเสียอย่างนั้นแหละ

แต่แกก็รักลูกคนเดียวมาก อุตส่าห์ไปเอาไม้มากลึงทำเป็นตุ้มหู ทำเสียเกลี้ยงเกลา ขัดเงาแวววาวอีกต่างหาก ให้ลูกใช้คิดดูแล้วกัน ไม่ยอมเสียเงินซื้อสักบาทเดียว ลูกชายแกก็เลยได้ "นิกเนม" ว่า "มัฏฐกุณฑลี หนุ่มตุ้มหูเกลี้ยง"

วันหนึ่งหนุ่มตุ้มหูเกลี้ยงป่วยเป็นโรคดีซ่านร้ายแรง เศรษฐีก็ไปหายากลางบ้านมาต้มให้กินตามมีตามเกิด ไม่ยอมจ้างหมอมารักษา กลัวสิ้นเปลือง รักษาไปรักษามา อาการเจ็บป่วยยิ่งกำเริบหนักถึงขั้นเยียวยาไม่ได้ ต้องตายแน่ๆ

พ่อจอมขี้เหนียวก็นำลูกมานอนที่ชานเรือน เพราะกลัวคนที่มาเยี่ยมไข้จะเห็นทรัพย์สมบัติของแก ว่าถึงขนาดนั้นนะครับ เด็กหนุ่มจึงต้องนอนรอความตายอยู่ที่ชานเรือน

คืนนั้น พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาดูสัตว์โลกที่จะไปโปรดหนุ่มตุ้มหูเกลี้ยงปรากฏในข่ายคือพระญาณ
ว่าจะได้บรรลุธรรม จึงเสด็จเข้าไปบิณฑบาต มุ่งพระพักตร์ไปเรือนของเศรษฐีขี้เหนียวทรงแผ่ฉัพพรรณรังสีไปต้องกายของหนุ่มตุ้มหูเ
กลี้ยง ซึ่งนอนรอความตายอยู่ที่ชานเรือน เด็กหนุ่มเห็นแสงวาบๆ นึกว่าแสงอะไร จึงค่อยๆ พลิกตัวหันไปมองเห็นพระพุทธองค์ประทับอยู่ตรงหน้าด้วยพระรัศมีอันรุ่งเรืองงดงาม จึงนึกด้วยความสลดใจว่า

"เราเกิดมาในตระกูลที่พ่อไม่นับถือพระศาสนา พ่อจึงไม่เคยพาเข้าวัดฟังธรรม ไม่เคยถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์แม้แต่ทัพพีเดียว บัดนี้เราก็ป่วยหนัก เพียงแค่จะยกมือนมัสการก็แสนยาก ข้าพระองค์ขอนมัสการ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยจิตอันเลื่อมใสนี้"

แล้วเขาก็ค่อยๆ ยกมือทั้งสองขึ้นมนัสการพระพุทธองค์อย่างยากเย็น ไหว้เสร็จก็สิ้นลมทันที พระพุทธองค์ตรัสบอกภิกษุสงฆ์ในภายหลังว่า มัฏฐกุณฑลี หรือ หนุ่มตุ้มหูเกลี้ยง ไปเกิดเป็นเทพบุตร เพราะอานิสงส์ คือ ยกมือนมัสการพระเจ้าด้วยจิตที่เลื่อมใส

เรื่องนี้มีเล่าต่ออีกว่า เศรษฐีผู้เป็นพ่อ พอหลังจากลูกชายตายไปแล้ว แกก็ไปป่าช้าที่เผาศพลูก ไปร้องไห้คร่ำครวญหาลูกทุกวัน จนเทพบุตรเธอแปลงเป็นเด็กมาร้องไห้อยู่ข้างๆ เศรษฐีขี้เหนียวถามว่า ร้องไห้ทำไมหนู หนูน้อยบอกว่าร้องไห้อยากได้พระจันทร์ พระอาทิตย์ จะเอามาทำล้อรถ เศรษฐีขี้เหนียวบอกว่า หนูโง่จัง ร้องไห้จนตายก็เอาไปไม่ได้

เด็กน้อยจึงถามว่า แล้วลุงร้องไห้หาใคร เมื่อได้รับคำตอบว่าร้องไห้หาลูกชายคนเดียวที่ตายไป จึงว่า ลุงนั้นแหละโง่กว่าหนู หนูร้องไห้อยากได้ในสิ่งที่มองเห็น แต่ลุงกลับร้องไห้อยากได้ในสิ่งที่มองไม่เห็น...


คอลัมน์ ธรรมะใต้ธรรมาสน์

โดย ไต้ ตามทาง




--------------------
อีกหนึ่งบริการใหม่ของเรา หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ในหมวดพระเครื่อง

เพื่อให้เกิดความสดวกสบายสำหรับท่านสมาชิกผู้ใช้บริการของเรา หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ทีมงานหนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม จึงได้เปิดให้บริการใหม่ใน 4 หมวดคือ

1.วัตถุมงคลคณาจารย์ รุ่นต่างๆ(คลิ๊ก)
https://sacred.kachon.com

.....
2.ข่าววงการพระเครื่อง(คลิ๊ก)
https://publish.kachon.com

.....
3.ประวัติพระเกจิอาจารย์(คลิ๊ก)
https://monkhistory.kachon.com

.....
4.ประวัติวัดและพระพุทธรูป(คลิ๊ก)
https://historyoftemples.kachon.com


เป็น 4 หมวดที่เกี่ยวกับพระเครื่องโดยตรงในเว็ปกะฉ่อนดอทคอม ท่านสมาชิกสามารถใช้บริการของเราได้ในเว็ปเดียวโดยไปต้องย้อนกลับไปยังเว็ป https://pra.kachon.com อีกต่อไป ทีมงานหนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านสมาชิกจะได้รับความสดวกสบายและพอใจในบริการใหม่ของเราในครั้งนี้ความสดวกสบายและ
พอใจในบริการใหม่ของเราในครั้งนี้
Go to the top of the page
 
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic
มี 1 คน กำลังอ่านหัวข้อนี้ (บุลคลทั่วไป 1 คน และ 0 สมาชิกที่ไม่เปิดเผยตัว)
สมาชิก 0 คน คือ :

 




Lo-Fi Version ขณะนี้เวลา : 19th April 2024 - 06:49 PM