พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ มือปราบกุมารทอง กับปาฏิหาริย์พระหลวงปู่ทวด"มือปราบ
กุมารทอง" เป็นฉายาที่บรรดาสมาคมหรือชมรมนักข่าว รวมถึงบรรดาพี่ๆ สื่อมวลชนประจำกรมปทุมวัน ตั้งให้ “พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ๕ (รอง ผบก.น.๕) เพราะได้จับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับแวดวงไสยศาสตร์มนต์ดำถึง ๒ คดี
พ.ต.อ.วิวัฒน์ ขึ้นชื่อว่าเป็นนายตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เป็นอันดับต้นๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะแกะรอยโทรศัพท์มือถือ แฮ็กเกอร์ ซึ่งเป็นการสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ มีตำรวจน้อยคนในยุคนั้นที่จะมีความรู้เรื่องดังกล่าว ตอนเป็น รอง ผกก.๑ ป.ได้รับความไว้วางใจจาก พล.ต.ต.วินัย ทองสอง ผบก.ป.(ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ให้ทำคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อ พล.ต.ต.วินัย ย้ายเป็น รอง ผบช.สันติบาล ได้เห็นความสามารถจึงให้ไปช่วยราชการที่สันติบาลด้วย โดยสามารถพิชิตและปิดคดีสำคัญๆ หลายคดี
นอกจากนี้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. ยังได้มอบหมายให้เป็นหัวหน้าศูนย์สืบสวนไฮเทคของกองปราบปราม ซึ่งศูนย์ควบคุม สั่งการ พัฒนา และฝึกอบรม ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติงานให้ตำรวจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้กับงานสืบสวนสอบสวน โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
“ผมเชื่อมั่นในพุทธคุณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะเคยมีประสบการณ์กับตัวเองมาหลายครั้ง หนักบ้างเบาบ้างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไปจับโจรถูกยิงรอดตายเหลือเชื่อ และไม่เคยรับบาดเจ็บเลยสักครั้งเดียว ส่วนหนึ่งผมเชื่อว่าเกิดจากบารมีและพุทธคุณของเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่ทวด โดยได้เก็บเหรียญรุ่นนี้ในราคาที่ยังอยู่ในหลักพันปลายๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาหลักล้านทุกเหรียญ” นี่เป็นคำยืนยันของพ.ต.อ.วิวัฒน์
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ ได้เล่าให้ฟังว่า พ่อเป็นอดีตนายช่างแขวงการทาง ชอบพระอยู่แล้ว ทำให้มีโอกาสเห็นพระแท้ๆ เกือบทุกประเภท ของดีที่คล้องติดตัวเป็นประจำก็มี ฟันคุณพ่อ
พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์เส้นด้ายกรุเก่า
พระผงสุพรรณพิมพ์หน้ากลาง
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชินตะกั่ว
พระรอด กรุมหาวันพิมพ์กลาง เนื้อเขียว กะลาเผือกแกะหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ที่ขาดไม่ได้เลยคือ รูปหล่อจอมขมังเวท แต่ผมเรียกว่าจอมมาร คล้ายลูซิเฟอร์หรือซาตานของฝรั่ง จะคล้องเวลาไปจับคนร้ายทุกครั้ง”
อย่างไรก็ตามจากคำร่ำลือเรื่องแขวนเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี ๒๕๐๘ แล้วจะได้ “เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง” นั้น พ.ต.อ.วิวัฒน์ บอกว่า เป็นจริงสมคำร่ำลือ เพราะนอกจากได้สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้ว ทั้งนายและเพื่อนร่วมรุ่นเมื่อถึงคราวเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งมักจะขอให้ช่วย หาเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ช่วงแรกๆ ราคาไม่แพงก็จะช่วยหาให้ได้ แต่ปัจจุบันเหรียญรุ่นนี้ทุกเนื้อราคาหลักล้าน เรียกว่ามีเงินก็ยังหาซื้อได้ยาก
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อถึงคราวเลื่อนและโยกย้ายตำแหน่งมักจะมาขอยืมไปแขวน แต่เมื่อสมหวังในตำแหน่งแล้วก็จะรีบเอามาคืน เพราะขืนแขวนต่อไปมีสิทธิ์ถูกโยกย้ายนอกฤดูกาล หรือเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ที่อื่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งข้าราชการส่วนใหญ่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองเลย
เมื่อถามถึงการบนบานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พ.ต.อ.วิวัฒน์ เล่าว่า เมื่อครั้งเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม จ.กำแพงเพชร ก่อนเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยสามพราน ระหว่างมาเรียนพิเศษเพื่อนๆ ได้ชวนไปขอพรที่อนุสาวรีย์หนึ่ง หน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร ด้วยความที่เป็นนักเรียนต่างจังหวัดไม่รู้ว่าเป็นอนุสาวรีย์ของใคร
ในครั้งนั้นได้บนไปว่า หากสอบติดโรงเรียนนายร้อยสามพราน จะมาวิ่งถวายแก้บน ๑,๐๐๐ รอบ เมื่อสอบติดก็มาวิ่งถวายแก้บน กว่าจะแก้หมดใช้เวลาเกือบ ๑ อาทิตย์ และได้มาถึงบางอ้อว่าท่านคือ พระอนุสาวรีย์พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี่ย" นั่นเอง ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่จะมาบนขอพรให้สอบติดทหารเรือ
ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา พ.ต.อ.วิวัฒน์ ได้พูดถึงหลักการทำงานไว้อย่างน่าคิดว่า “ผมยึดหลัก ๓ อย่าง ที่ว่า ครองตน ครองคน ครองงาน โดยมีความหมายดังนี้ ครองคน หมายถึง การรักษาเนื้อ รักษาตัว ครองคน หมายถึง ต้องรู้จักใช้ลูกน้อง คือ ดูคนออก บอกคนเป็น ใช้คนได้ ส่วนครองงาน หมายถึง มีคุณธรรมและความเป็นในการทำงาน”
มือปราบ
กุมารทองผลงานสำคัญในอดีตของ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คือ เคยร่วมคลี่คลายคดีแม่ลูกศรีธนะขันธ์ คดี ผอ.แสงชัย สุนทรวัฒน์ คดีปล้นเงินธนาคารกรุงไทย ๒๘ ล้านบาท คดีฆ่าแหม่มเกาะสมุย คดีสังหาร ส.ส.กอบกุล นพอมรบดี คดีหมอประกิตเผ่า-เปมิกา คดีฆ่าเจ้าลาว คดีฆ่ารอง ผอ.มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมป์ฟอร์ด คดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คดีนายสนธิ ลิ้มทองกุล และล่าสุดดังกระหึ่มในฉายา “มือปราบ
กุมารทอง”
พ.ต.อ.วิวัฒน์ ได้จับกุมจอมขมังเวทที่เกี่ยวกับ
กุมารทองถึง ๒ คดี คือ คดีแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ ครั้งยังติดยศ "ร.ต.อ." ครองตำแหน่งรองสารวัตรแห่ง สภ.เมืองสระบุรี โดยได้คือจับกุม เณรแอ หรือ นายหาญ รักษาจิตร์ เจ้าของต้นตำรับ
กุมารทอง เครื่องรางของขลัง รวมทั้งมนต์ดำเสน่ห์ยาแฝดที่ชื่อดังที่สุดแห่งยุค ศาลอาญาพิพากษาจำคุก ๑๐๐ ปี ฐานฉ้อโกงประชาชน แต่ลดโทษเหลือ แต่ลดโทษเหลือ ๒๐ ปี ศาลชี้จำเลยใช้โอกาสที่ผู้เสียหายเกิดความทุกข์ด้วยการหลอกลวงว่าเป็นผู้มี ความรู้ความสามารถด้านไสยศาสตร์เพื่อให้ผู้เสียหายร่วมทำพิธีและจ่าย ทรัพย์สินให้จำเลย จึงสมควรลงโทษสถานหนัก
คดีที่ ๒ จับกุม นายโจว ฮอง ฮุน ชาวไต้หวัน อายุ ๒๘ ปี ผู้ซึ่งตลาดค้าของขลังในไต้หวันยกให้อยู่ในระดับ "เซียน" เขาเดินทางเข้าออกไทยและเขมร จนกระทั่งถูกตำรวจจับข้อหาครอบครองซากทารกที่ผ่านพิธีปลุกเสกเป็น
กุมารทอง แล้วถึง ๖ ซาก ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพในชั้นศาล ศาลจึงตัดสินให้จำคุก ๖ เดือน
“ธุรกิจค้าขาย
เครื่องรางของขลังในต่างประเทศ โดยเฉพาะไต้หวัน มาเลเซีย และสิงคโปร์ กว้างขวางมาก เพราะผู้คนในประเทศเหล่านี้ยังคงเชื่อเรื่อง
ไสยศาสตร์ และหากสิ่งใดที่ผ่านพิธีปลุกเสกในไทยจะมีราคาค่างวดสูงมาก ซึ่งคงต้องปราบปรามกันต่อไป เนื่องจากกฎหมายไทยระบุไว้อย่างชัดเจนห้ามไม่ให้มีการค้าซากศพ ใครฝ่าฝืนก็ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี” พ.ต.อ.วิวัฒน์กล่าว
:
พระเครื่องสรณะคนดัง เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
ที่มาจาก
http://www.itti-patihan.com/พ.ต.อ.วิวัฒน์-...หลวงปู่ทวด.html