ความลี้ลับที่ไม่ลับ พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ของวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง(ภาค 3)
บทความในวันนี้จะเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่ง ที่ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องจะได้นำเสนอ ความลี้ลับที่ไม่ใช่ความลับ สามารถสัมผัสได้สำหรับผู้ที่ฝังเข็มทองว่า ผู้ที่ฝังเข็มทองจะสามารถเรียกเข็มทองให้ออกมาให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าจริงหรือไม่ ซึ่งห่างจากจุดที่ถูกฝังซึ่งโดยหลักการแพทย์แล้วจะไม่สามารถเป็นไปได้เลย และยังสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์สากลด้วยฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ที่จะชี้ให้เห็นแบบจะๆ ถึงการเคลื่อนตัวของเข็มทองจากจุดที่ถูกฝัง ว่าเป็นไปได้อย่างไร บทพิสูจน์ในวันนี้จะได้เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งของวิชาเช็มทอง วัดหนองม่วง วิชาโบราณที่มีตกทอดกันมานับร้อยปีของไทยเรา
วัดหนองม่วงเป็นวัดเล็กๆ แต่เป็นวัดโบราณ ที่มีอายุการสร้างวัดนับถึงปีปัจจุบันถึง 179 ปี(ซึ่งจริงๆแล้ว วัดหนองม่วงมีอายุการสร้างถึงปัจจุบันกว่า 200 ปี แต่ในที่นี้เราจะถือตามหลักฐานของกระทรวงศึกษาธิการเป็นหลัก) วัดหนองม่วงตั้งอยู่เลขที่ 91 บ้านหนองม่วง หมู่ที่ 9 ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย วัดหนองม่วงมีเนื้อที่ 19 ไร่ 2 งาน 84 ตารางวา วัดหนองม่วงสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2377 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2384 วัดหนองม่วงมีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนามตามประวัติบันทึกของวัดทั้งหมด 5 รูปคือ รูปที่ 1 พระครูเย็น รูปที่ 2 พระครูเงิน รูปที่ 3 พระครูหงษ์ จนทโร รูปที่ 4 พระครูอนุรักษ์วรคุณ(หลวงพ่อสง่า อนุปุพฺโพ เกจิจอมขมังเวทย์แห่ง จ.ราชบุรี) พ.ศ 2486 – 2540 รูปที่ 5 พระครูประภาสธรรมทัต (สนธยา ปภาสโย หรือพระอาจารย์ป้อม ทายาทแห่งวิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์ รุ่นที่ 2) พ.ศ. 2540 -ปัจจุบัน
พระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง กำลังทำพิธีใส่เข็มทองให้กับศิษย์
ในที่นี้กะฉ่อนพระเครื่องจะขอกล่าวถึงท่านเจ้าอาวาสวัดหนองม่วงรูปปัจจุบัน คือท่านพระครูประภาสธรรมทัต หรือท่านพระอาจารย์ป้อม ทายาทแห่งวิชาเข็มทองคะนองฤทธิ์ รุ่นที่ 2 เกจิอาจารย์สายเข็มทองผู้เปี่ยมไปด้วยความเมตตา สมถะ ถือสันโดษไม่ยึดติดกับลาภสักการะใดๆ ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องได้เดินทางมาที่วัดหนองม่วงอีกครั้ง เพื่อขอสัมภาษณ์ท่านพระอาจารย์ป้อมว่า เพราะเหตุใดเข็มทองที่ท่านพระอาจารย์ป้อม ได้ทำพิธีฝังให้กับศิษย์ผู้ศัทธาในวิชาเข็มทองนี้แล้ว ด้วยเพราะเหตุใดจึงได้เกิดปฎิหาริย์ต่างๆนาๆกับผู้ฝัง อย่างเช่นภาพเข็มทองที่ผู้ถูกฝังเข็มทอง สามารถเรียกเข็มทองให้ออกมาให้เห็นตรงหว่างคิ้วด้วยตาเปล่า และเข็มทองที่เรียกออกมานั้น ยังออกมาปรากฎให้เห็นห่างจากจุดที่ ท่านพระอาจารย์ป้อมได้ทำพิธีฝังให้ หรือจะเป็นภาพจากฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของคุณนิรนาม ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนตัวของเข็มทองจากจุดที่ถูกฝังได้โดยไร้ข้อกังขา ตามภาพจากฟิล์มเอ็กซ์เรย์ ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
พระอาจารย์ป้อม ถ่ายภาพร่วมกับศิษย์ เข็มทอง วัดหนองม่วง
ท่านพระอาจารย์ป้อม ได้กรุณาให้สัมภาษณ์กับทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องอย่างถ่อมตนว่า เข็มทองนั้นเมื่อผ่านขั้นตอนการทำและปลุกเสกแล้ว เข็มทองเหล่านั้นก็เหมือนมีชีวิต เมื่อท่านทำพิธีใส่ให้กับศิษย์ที่ศัทธาแล้ว หากศิษย์ผู้ถูกฝัง(ท่านย้ำหลายครั้ง) ประพฤติตนเป็นคนดี อยู่ในศีล อยู่ในธรรม หมั่นภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ อยู่เป็นนิจแล้ว เข็มทองเหล่านั้นก็จะสามารถเคลื่อนไหวไปมาตามร่างกายของศิษย์ผู้ถูกฝังได้เอง ท่านพระอาจารย์ป้อมยังกล่าวต่อไปอีกว่า อาตมานั้นเป็นเพียงผู้นำเสนอให้เท่านั้น ปฎิหาริย์ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่ที่ตัวศิษย์เองทุกอย่างมันอยู่ที่จิต อยู่ที่ความศรัทธา และอยู่ที่การปฎิบัติของตนเอง อาตมาเมื่อใส่ให้แล้วหากศิษย์ผู้ใส่ไม่นำไปปฎิบัติ ไม่ทำตามข้อห้ามของ ครูบาอาจารย์ ไม่หมั่นภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ แล้ว เข็มทองที่ใส่ให้ไปนั้น มันก็จะไม่ต่างอะไรกับเศษเสี้ยนที่ตำเข้าไปในเนื้อของเรา ไม่มีประโยชน์ใดๆเลยทั้งสิ้น ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านได้อุปมาไว้ว่า ให้ศิษย์ผู้ศรัทธาและได้ทำพิธีใส่เข็มทองไปแล้ว เปรียบเข็มทองที่อยู่ในตัวเราเหมือนมีด หากเราหมั่นลับ มีดฉันใด มีดมันก็ยิ่งต้องคมฉันนั้น ก็คือถ้าศิษย์ผู้ศรัทธาหากหมั่นปฎิบัติตามข้อห้ามของครูบาอาจารย์ หมั่นภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ แล้ว เข็มทองที่ใส่อยู่ในตัวศิษย์ก็จะแสดงพลานุภาพได้เอง
(ดูรายละเอียดเกี่ยวกับท่านพระอาจารย์ป้อม เพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์นี้)
ภาพพิธีใส่เข็มทองที่หน้าผาก เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าจุดที่ใส่กับจุดที่เข็มทองเคลื่อนตัวจากจุดที่ฝังในภาพที่สองและจุดที่เข็มทองได้ออกมาจากภาพที่สามบริเวณหว่างคิ้วนั้นอยู่ห่างกันอย่างมาก
จากทั้ง 3 ภาพนี้ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า เข็มทองเมื่อแรกฝังไว้ในร่างกายของเรานั้น หากผู้ถูกฝังเข็มทองประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีล อยู่ในธรรม หมั่นภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ อยู่เป็นนิจแล้ว เข็มทองเหล่านั้นก็จะมีชีวิต เข็มทองจะสามารถเคลื่อนไหววิ่งไปมาตามร่างกายของผู้ที่ถูกฝังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนผู้ถูกฝังเข็มทองจะสามารถรู้สึกสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวไปมาของเข็มทองได้ แต่จะมีเข็มทองบางเล่มที่วิ่งไปแล้วไปติดอยู่ ไม่สามารถวิ่งกลับมายังจุดที่ฝังได้ อย่างเช่นเข็มทองเล่มนี้ที่ท่านผู้อ่านได้เห็นตามภาพ เวลาที่ทำพิธีใส่เข็มทองนั้นท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง ท่านทำพิธีใส่เข็มทองให้ที่หน้าผาก แต่จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เข็มทองก็จะสามารถวิ่งมาที่หว่างคิ้วได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยปรกติของการเคลื่อนตัวของเข็มทองนั้น เมื่อเข็มทองวิ่งออกไปจากจุดที่ฝัง จะโดยการเรียกด้วยหัวใจพระคาถา พุท-โธ หรือจะวิ่งออกไปรับเพื่อคุ้มครองผู้ถูกฝังยามมีภัยนั้น เมื่อเข็มทองวิ่งออกไปแล้วจะต้องวิ่งกลับมายังจุดที่ถูกฝังทุกครั้งทุกเล่ม แต่ในกรณีนี้เพราะบริเวณที่เข็มทองวิ่งไปนั้นเป็นมุมโค้งของหว่างคิ้ว อยู่ระหว่างหน้าผากกับเบ้าตา เข็มทองเล่มนี้จึงวิ่งไปติดอยู่ที่หว่างคิ้ว ไม่สามารถจะวิ่งวนกลับไปยังจุดเดิมที่ถูกฝังได้ เมื่อท่านที่ฝังเข็มทองรายนี้ ภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ เพื่อเรียกเข็มทองแล้วรู้สึกสะดุดที่หว่างคิ้ว ท่านลองคลำดูจึงรู้ว่าเข็มทองวิ่งมาติดยังบริเวณดังกล่าว ท่านจึงได้ทำพิธีเรียกเข็มทองออกมาเพื่อเก็บรักษาเอาไว้บูชาต่อไป ตามภาพที่ท่านผู้อ่านได้เห็นนี้ (ป.ล.เกิดเหตุอันตรายบางอย่างกับผู้ถูกฝังรายนี้ ที่ทำให้เข็มทองต้องวิ่งออกมารับตรงบริเวณหว่างคิ้ว แต่เจ้าตัวไม่ขอเล่าเหตุการณ์นั้นในที่นี้)
ภาพฟิล์มเอ๊กซ์เรย์กะโหลกของผู้ที่ทำพิธีใส่เข็มทอง ที่บริเวณหน้าผาก หากเรานำไปเปรียบเทียบกับภาพที่กำลังทำพิธีใส่เข็มทอง จะเห็นได้ชัดถึงการเคลื่อนตัวไปทั่วบริเวณกะโหลกหน้าผากของ เข็มทอง วัดหนองม่วง ได้อย่างชัดเจนมาก
กะฉ่อนพระเครื่องได้ติดต่อไปยังนายแพทย์ท่านหนึ่ง(ขอสงวนนาม) เพื่อสอบถามถึงเหตุผลของการเคลื่อนตัวของเข็มทองในลักษณะนี้ว่า โดยหลักการแพทย์แล้วจะมีเหตุผลอย่างไรบ้าง คุณหมอท่านนี้ดูภาพเข็มทองที่ออกมาจากหว่างคิ้วและฟิมล์เอ๊กซเรย์กะโหลกที่แสดงถึงจุดที่ฝังเข็มทองอยู่สักครู่ จึงกรุณาอธิบายให้ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องฟังว่า โดยปรกติแล้ววัตถุแปลกปลอมที่หลุดเข้าไปในร่างกายของมนุษย์นั้น ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณถูกเสี้ยนตำแล้วคุณบงออกไม่หมดหรือไม่สามารถเอาออกมาได้ ร่ายกายของคุณก็จะสร้างสารชนิดหนึ่งขึ้นมาห่อหุ้มไว้ไม่ให้สิ่งแปลกปลอมนั้นๆขยับเขยื้อนไปทำอันตรายอวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายเรา ถ้าคุณถามว่าเข็มทองจะสามารถเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้ไม๊นั้น คุณหมอท่านนี้ตอบว่าก็มีโอกาศเป็นไปได้นะ ถ้าเข็มทองฝังอยู่บริเวณที่มีมัดกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อมีการขยับตัวหลายๆครั้งนานๆเข้าเป็นปีๆ เข็มทองก็อาจจะไหลไปตามมัดกล้ามเนื้อได้เหมือนกันแต่ก็เคลือนตัวไปได้ไม่มากนะ สักสองสามเซนติเมตรคงพอเป็นไปได้ แต่ในกรณีการเคลื่อนตัวของเข็มทองที่บริเวณหน้าผากนั้น คุณหมออธิบายต่ออีกว่า บริเวณนี้ไม่มีมัดกล้ามเนื้อ การที่เข็มทองจะไหลหรือเคลื่อนตัวไปได้นั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ หรือถ้าจะเคลื่อนตัวจริงๆ ก็คงจะต้องเกิดจากกระทบกระเทือนหรือขยับตัวของหนังบริเวณหน้าผากนี้อย่างรุนแรงและต้องบ่อยๆ ถึงจะขยับเคลื่อนตัวได้แต่ก็จะไม่มากนัก และต้องใช้เวลาเคลื่อนตัวหลายๆปี ถึงจะมาถึงบริเวณที่เห็นตามภาพได้ ผมดูจากบริเวณที่ถูกฝังไว้กับบริเวณที่เข็มทองหลุดออกมานั้น คุณหมอกล่าวว่าผมก็หาคำอธิบายไม่ได้เหมือนกันครับ
ภาพเข็มทองที่ท่านเจ้าของเข็ม ได้ทำพิธีเรียกให้ออกมาหลังจากที่เข็มทองวิ่งมาติดอยู่ที่หว่างคิ้ว ถ้านำไปเปรียบเทียบกับภาพแรกคือจุดที่ใส่เข้าไป เราจะเห็นได้ชัดเจนถึงการเคลื่อนของ เข็มทอง วัดหนองม่วง
และจากภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ที่ปรากฎในบทความนี้ หากไม่มีบทสัมภาษณ์ของเจ้าของภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์นี้แล้ว บทความนี้คงจะไม่สามารถสมบูรณ์ไปได้ ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องจึงได้เดินทางไปขอพบกับท่านเจ้าของภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์รายนี้ ซึ่งท่านก็ได้กรุณาให้ความกระจ่างและอธิบายถึงการเคลื่อนตัวของเข็มทองในตัวท่านที่เราได้เห็นกันตามภาพ ในที่นี้จะขอใช้นามสมมุติของท่านว่า คุณนิรนาม เพราะท่านไม่ต้องการเปิดเผยชื่อของท่าน คุณนิรนามได้กรุณาเล่าให้ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องฟังว่า
ภาพเอ๊กซเรย์กะโหลกด้านข้าง จะเห็นเข็มทองที่วิ่งมาบริเวณเกือบถึงเบ้าตาโดยไม่ทำอันตรายใดๆกับผู้ใส่อย่างไม่น่าเชื่อ
การฝังเข็มทองนั้นมีคุณวิเศษอย่างน่าอัศจรรย์ใจ วิชานี้ดีที่ไม่เน้นในเรื่องคงกระพันชาตรี แต่จะเน้นไปทางเมตตาแคล้วคลาดและเตือนภัยมากกว่า เพราะหลวงปู่พิมพ์มาลัย ต้นตำหรับแห่งวิชาเข็มทองนี้ ท่านไม่ต้องการให้ผู้ที่ได้รับการฝังเข็มทอง เกิดความฮึกเหิมแล้วนำไปใช้ในทางที่ผิดศีลธรรม หลวงปู่พิมพ์มาลัยท่านมักจะบอกบ่อยๆ ตามคำบอกเล่าที่คุณนิรนามได้ฟังมาจากหลวงพ่อสวัสดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหุบมะกล่ำว่า หากผู้ที่ได้รับการฝังเข็มทองไปแล้ว ประพฤติและปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม ไม่ละเมิดกฎข้อห้ามที่ครูบาอาจารย์ให้ไว้ เมื่อถึงยามคับขันอนุภาพแห่งเข็มทอง ก็จะเตือนภัยและคุ้มครองผู้ที่ฝังเข็มทองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้เอง
จากภาพนี้ให้สังเกตุที่บริเวณ หัวไหล่-ใต้รักแร้-ร่องอก-ลิ้นปี่ จะเห็นเข็มทองเคลื่อนตัวออกจากจุดที่ทำพิธีฝังได้อย่างชัดเจน
คุณนิรนามได้เล่าถึงขั้นตอนการฝังเข็มทองว่า การฝังเข็มทองจะฝังได้เฉพาะในวันอังคาร,พฤหัสบดี,เสาร์,เท่านั้น ยกเว้นวันนั้นๆที่กล่าวมาข้างต้นจะตรงกับวันพระก็จะงดไม่มีการฝังเข็ม บริเวณที่ฝังเข็มทองจะมีด้วยกันห้าจุดคือ หน้าผาก,ขมับ,หน้าอก,ไหลและท้องแขน ส่วนข้อห้ามในการฝังเข็มทองมีอยู่ด้วยกัน 5 ข้อคือ 1.ห้ามเตะสุนัข (เพราะหลวงปู่พิมพ์มาลัยท่านเกิดปีจอ) 2.ห้ามถ่มน้ำลายลงในโถส้วม (เพราะโถส้วมเป็นที่ต่ำ)3.ห้ามด่าบุพการี 4.ห้ามผิดภรรยาผู้อื่น 5.ห้ามพูดในขณะถ่ายหนัก-ถ่ายเบา (ทวารทั้งเก้าจะเปิดหมด)
จากภาพนี้ให้สังเกตุบริเวณใต้รักแร้ที่เข็มทองกำลังจะเคลื่นที่ไปยังบริเวณแขนและบริเวณหัวไหล่ที่จะเห็นเข็มทองพลิกตัวขนานกับหัวไหล่และกำลังเคลื่อนออกจากที่ฝัง
คุณนิรนามได้กรุณาอธิบายถึงฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของท่านว่า ให้สังเกตุดูที่ฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของท่าน จากภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์นั้นจะเห็นได้ถึงการเคลื่อนตัวของเข็มทองจากจุดที่ทำพิธีฝังเข็มทอง วัดหนองม่วงได้ทุกภาพนั่นก็หมายถึงว่า วิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง นั้นเป็นของจริงของแท้แน่นอน สามารถที่จะพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร้ข้อกังขา การฝังเข็มทองของท่านนั้นจะฝังเฉพาะตามจุดทั้งห้าจุดที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ถ้าเราดูจากภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์แล้ว จะเห็นได้ว่าเข็มทองนั้นได้เคลื่อนตัวเองออกจากจุดที่ฝังได้อย่างน่าอัศจรรย์ เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องได้ถามถึงจำนวนเข็มทองที่คุณนิรนามได้ฝังและฝังกับใครบ้าง คุณนิรนามบอกว่าเรื่องจำนวนเข็มทองที่ฝังนั้นท่านไม่ขอตอบ ท่านตอบแบบติดตลกว่าให้นับดูกันเอาเองจากฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของท่าน ส่วนท่านฝังที่ไหนบ้างนั้น คุณนิรนามบอกว่าท่านเริ่มฝังเข็มทองครั้งแรกจาก หลวงพ่อสวัสดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหุบมะกล่ำและฝังเรื่อยมาจนในปี พ.ศ. 2536 หลวงพ่อสวัสดิ์ท่านได้มรณะภาพลง
จากภาพนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า เข็มทองที่ฝังบริเวณหลังแขน กำลังวิ่งไปที่ข้อศอกซ้าย
คุณนิรนามก็หยุดฝังไปพักใหญ่เพราะคิดว่าวิชาเข็มทองนี้ไร้ผู้สืบทอด ต่อมาท่านได้สืบรู้มาว่าหลวงพ่อสวัสดิ์ ท่านมีพระหลานชาย ชื่อพระอาจารย์ป้อม อยู่ที่วัดหนองม่วง เห็นเค้าว่ากันว่าพระอาจารย์ป้อมได้สำเร็จวิชาเข็มทองนี้เช่นกัน คุณนิรนามจึงได้เดินทางมาที่วัดหนองม่วง เพื่อพิสูจน์ว่าท่านพระอาจารย์ป้อมได้สำเร็จวิชาเข็มทองนี้จริงหรือไม่ คุณนิรนามได้กล่าวต่ออีกว่าเมื่อมาถึงวัดหนองม่วงและได้เจอกับท่านพระอาจารย์ป้อม ทั้งคุณนิรนามและท่านพระอาจารย์ป้อมต่างจำกันได้ว่า ท่านทั้งสองเคยเจอกันเมื่อเกือบยี่สิบก่อนที่วัดหุบมะกล่ำ แต่ไม่รู้จักชื่อกันในสมัยที่คุณนิรนามเดินทางไปทำพิธีฝังเข็มทองกับหลวงพ่อสวัสดิ์ ซึ่งหลวงพ่อสวัสดิ์นั้นท่านเป็นหลวงอาแท้ๆของท่านพระอาจารย์ป้อม ในสมัยนั้นเมื่อเจอท่านพระอาจารย์ป้อมคุณนิรนามจะเรียกแต่ท่านเณรๆ เพราะเห็นท่านตัวเล็กๆผมคิดว่าท่านเป็นเณร(คุณนิรนามพูดไปหัวเราะไป) แต่เพราะคุณนิรนามเป็นคนไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ คุณนิรนามจึงได้แอบทดลองอะไรหลายๆอย่างจากพระอาจารย์ป้อมว่า ท่านพระอาจารย์ป้อมนั้นได้สำเร็จวิชาวิชาเข็มทองนี้จริงแล้วหรือไม่(ไม่ขอกล่าวในที่นี้)
จากภาพนี้ให้สังเกตุที่บริเวณหัวไหล่-ใต้รักแร้ จะเห็นเข็มทองที่วิ่งออกจากจุดที่ฝังไปยังบริเวณแขนขวา
จนคุณนิรนามแน่ใจว่าท่านพระอาจารย์ป้อมได้สำเร็จวิชาเข็มทองนี้ได้จริงๆ ประกอบกับคุณนิรนามได้เห็นถึงปฎิปทาและวัตรปฏิบัติของท่านพระอาจารย์ป้อม ที่ท่านเป็นพระติดดินไม่ยึดติดในลาภสักการะใดๆจนคุณนิรนามท่านเชื่อมั่นแล้ว คุณนิรนามจึงได้เริ่มฝังเข็มทองกับพระอาจารย์ป้อมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คุณนิรนามได้ฝากถึงผู้สนใจในวิชาเข็มทองและอยากจะฝังเข็มทองบ้างว่า วิชานี้รักษาไม่ยากหากหมั่นภาวนาหัวใจพระคาถา พุท-โธ รักษาตนให้เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม ปฏิบัติตามข้อห้ามที่ครูบาอาจารย์ให้ไว้แล้ว เข็มทองที่ฝังในร่างกายของเรา ก็จะวิ่งได้ตามใจปรารถนาจนเราจะสามารถรู้สึกสัมผัสได้ทุกๆครั้งที่เข็มทองเคลื่อนตัว ครั้นยามมีเหตุเพศภัยแล้วเข็มทองก็จะเตือนภัยและป้องกันภัยอันตรายให้กับผู้ที่มีเข็มทองไว้ในร่างกายได้ทุกๆครั้งไป
จากภาพนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่า เข็มทองที่ฝังบริเวณหลังแขน กำลังวิ่งไปที่บริเวณข้อศอกขวา
คุณนิรนามยังฝากทิ้งท้ายเพราะมีผู้ที่สนใจในวิชาเข็มทองนี้ เกิดข้อสงสัยและสอบถามท่านมามากมาย ท่านเลยขอถือโอกาสนี้อธิบายถึงรายละเอียดของการใส่เข็มทองอีกว่า วิชาเข็มทองนี้ตั้งแต่สมัยหลวงปู่พิมม์มาลัยเรื่อยมาถึงหลวงพ่อสวัสดิ์และพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดของวิชานี้ สำหรับผู้ที่เรียนและจะทำพีธีใส่เข็มทองให้กับศิษย์ผู้ศรัทธานั้น ก็คือการห้ามเรียกร้องเงินทองใดๆจากศิษย์ที่ศรัทธาโดยเด็ดขาด ให้แล้วแต่ศรัทธาที่ศิษย์จะมีกำลัง อยากทำบุญจะทำเท่าไรก็ได้ ให้แล้วแต่กำลังศรัทธาของศิษย์ผู้นั้น คุณนิรนามกล่าวว่าวัดหนองม่วงถือได้ว่าเป็นสายตรงของวิชาเข็มทองนี้ ที่ยังยึดถือปฎิบัติตามข้อห้ามของครูบาอาจารย์ได้อย่างเคร่งครัด ฉะนั้นหากท่านใดที่สนใจศรัทธาอยากใส่เข็มทองแล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆ ขอให้เดินทางมาที่วัดหนองม่วง เตรียมดอกไม้ธูปเทียนกันมาให้พร้อม พระอาจารย์ป้อมท่านเป็นพระที่ใจดีมีความเมตตาสูง ขอให้มาตามวันเวลาที่ครูบาอาจารย์กำหนดไว้ รับรองว่าทุกคนที่มาจะได้ใส่ เข็มทอง วัดหนองม่วง สิ่งที่จะเป็นมงคลสูงสุดต่อชีวิตสำหรับผู้ที่มีไว้ในร่างกาย กันทุกคน
จากซ้ายไปขวา พตท พจนาท งบพิมาย - ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง - พตต วรา พงษ์ศิริ
และอีกสองบุคคลที่มีประสบการณ์จากวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง สองท่านนี้เป็นนายตำรวจนักสืบทั้งคู่ ท่านแรกเริ่มจากความไม่เชื่อจนท่านได้พิสูจน์กับตนเองจนเกิดความศรัทธา ส่วนอีกท่านหนึ่งนั้นท่านก็ได้พบกับประสบการณ์ของวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง ที่ท่านเพิ่งใส่ไปหมาดๆ จนท่านรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่ท่านได้สัมผัสกับตนเอง
พตท พจนาท งบพิมาย และ ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง
ท่านแรกก็คือ ท่าน พ.ต.ท. พจนาจ งบพิมาย สวสส สน บางขุนนนท์ ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องได้ขอสัมภาษณ์ ท่านสารวัตรอีกครั้ง เพราะท่านสารวัตท่านนี้เป็นผู้หนึ่งที่ได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของวิชาเข็มทอง เมื่อครั้งที่ท่านได้รับการฝังเข็มทองเป็นครั้งแรกจาก ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องถามท่านพ.ต.ท. พจนาจว่า มีความรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับวิชาเข็มทอง ท่านพ.ต.ท. พจนาจตอบแบบตรงๆว่า ทีแรกผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ พี่ที่รักและนับถือกัน ได้ชวนให้ผมมาฝังเข็มทองที่วัดหนองม่วง พี่เค้าชวนผมมาหลายครั้งแล้ว แต่เพราะไม่ค่อยเชื่อ ผมก็เลยบ่ายเบียง อ้างเหตุไม่ว่างไปทุกๆครั้ง แต่ครั้งนั้นเผอิญมีน้องที่เป็นสารวัตรสืบอีกคน(พ.ต.ท. พงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ สวสส สน บางกอกใหญ่) เค้าอยากจะไปด้วย ผมเลยไม่อยากขัด ก็จำต้องไปกับพวกเค้าพอไปถึงวัด ผมก็กะว่าจะไม่ฝังเพราะเพิ่งออกเวรมา พอไปถึงวัดผมก็ไปพักผ่อนสายตา กะว่าพอเค้าใส่กันเสร็จแล้วเราจะได้กลับสักที แต่ด้วยความเมตตาของ ท่านพระอาจารย์ป้อม ท่านได้ให้พี่ที่นับถือเดินมาปลุกผม ผมเลยรู้สึกเกรงใจพี่เค้า ก็เลยได้ตามพี่เค้าไปเข้าพิธีฝังเข็มทอง เมื่อฝังเสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์ป้อม ท่านคงรู้ด้วยจิตของท่านว่าผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ พอใส่เข็มทองให้เสร็จแล้ว ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านก็เรียกเข็มทองที่ผมเพิ่งใส่ ขึ้นมาให้ผมได้เห็นด้วยตาเปล่าของผมเอง
พ.ต.ท. พจนาจ งบพิมาย สวสส สน บางขุนนนท์ ดึงเข็มทองให้มาปรากฎให้เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ผมนี้งงงมากๆเลยครับ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เข็มทองที่เพิ่งใส่ไปเองแท้ๆยังไม่ถึงห้านาที แล้วที่ใส่เข้าไปนะท่านพระอาจารย์ป้อมท่านใส่ให้ผมที่หน้าอก แต่ที่น่าตกใจนะครับ ก็คือท่านพระอาจารย์ท่านกลับเรียกเข็มทองที่ผมเพิ่งใส่ให้มาปรากฏให้ผมเห็น แต่เข็มทองนั้นกลับมาปรากฏให้เห็นที่แขนผม มันเหมือนเล่นกลเลย เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมากๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาได้ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับตัวผมเองนะครับ รับรองผมจะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องถามท่านพ.ต.ท.พจนาจต่ออีกว่า แล้วเดี๋ยวนี้ท่านสารวัตรเชื่อหรือยัง ท่าน พ.ต.ท. พจนาจ ตอบว่าพอกลับมาผมเองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน แต่เพราะความที่ผมเป็นนักสืบ ผมก็ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองให้ได้ ผมก็เลยกลับมาลองดึงเข็มทองดูเอง ทีนี้ยิ่งต้องยอมรับความจริงเลย เพราะเข็มทองที่ท่านพระอาจารย์ป้อมใส่ให้ผมนั้น ผมเองก็ยังสามารถเรียกเข็มทองขึ้นมาให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าเหมือนกัน อย่างวันนี้ก็เช่นกันครับ พวกคุณดูสิครับทั้งผมและน้องผม(พ.ต.ต. วรา พงษ์ศิริ สว สส สน สมเด็จเจ้าพระยา) ก็ยังสามารถเรียกเข็มทองมาให้พวกคุณเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆได้เหมือนเดิมเห็นไม๊ครับ ถึงเวลานี้นะครับผมคิดว่าผมเชื่อ เรื่องวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง 100 % แล้วครับ
ท่านพระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง และ พ.ต.ต. วรา พงษ์ศิริ
ส่วนท่านที่สองก็คือ ท่าน พ.ต.ต. วรา พงษ์ศิริ สว สส สน สมเด็จเจ้าพระยา นายตำรวจหนุ่มนักสืบอนาคตไกล กระฉ่อนพระเครี่องได้ขอสัมภาษณ์ ท่านสารวัตรหนุ่มไฟแรงว่า ท่านสารวัตรมีความรู้สึกอย่างไรบ้างกับวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง ท่านสารวัตร วรา ตอบว่า วันนี้ผมเพิ่งมาที่วัดหนองม่วงเป็นครั้งแรกโดยได้ติดตามพี่ติ่งมา(พ.ต.ท. พจนาจ งบพิมาย) เพราะผมมีความศรัทธาในวิชาเข็มทองอยู่แล้ว ก็จากคำบอกเล่าและได้เห็นประสบการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับรุ่นพี่ๆของผม วันนี้เมื่อตอนที่ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านกำลังทำพิธีใส่เข็มทองให้ผมอยู่นั้น ผมได้อธิษฐานไว้ว่าหากเข็มทอง วัดหนองม่วง หากมีความศักดิ์สิทธิ์จริงๆเมื่อผมใส่เข้าไปแล้วก็ขอให้เข็มทองที่ผมใส่ไป สามารถวิ่งได้อย่างที่ผมเคยเห็นจากรุ่นพี่ๆของผม แล้วก็เป็นจริงตามคำอธิษฐานครับ พอท่านพระอาจารย์ป้อมท่านทำพิธีใส่เข็มทองให้ผมเสร็จ ท่านก็เรียกเข็มทองให้มาปรากฎที่แขนผมให้ผมได้เห็นกับตาผมเอง และหลังจากทำพิธีเสร็จนะครับ ผมก็ยังนึกอยากจะลองต่ออีกว่า ถ้าผมจะเรียกเข็มทองเองหละ เข็มทองจะมาได้อย่างที่ท่านพระอาจารย์ป้อมท่านเรียกมาให้ผมดูได้ไม๊ และก็อย่างที่พวกคุณและผมได้เห็นกันด้วยตาเปล่าๆนี่แหละครับ ผมเองก็สามารถเรียกเช็มทองมาได้ด้วยตัวของผมเองเหมือนกันครับ กะฉ่อนพระเครื่องถามท่านสารวัตรหนุ่มไฟแรงต่ออีกว่า แล้วตอนนี้ท่านสารวัตรรู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากได้สัมผัสกับวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง ท่านสารวัตรหนุ่มไฟแรงตอบว่า ผมก็รู้สึกดีใจนะครับที่คำอธิษฐานของผมเป็นจริงได้ ตัวผมเองเป็นตำรวจต้องทำงานสืบสวน ชีวิตต้องเสี่ยงภัยอยู่ตลอดเวลา ผมก็อยากจะได้ของดีไว้คุ้มครองร่างกายเวลาผมออกทำงานบ้าง วันนี้ผมได้มาที่วัดหนองม่วง ผมได้รับความเมตตาจาก ท่านพระอาจารย์ป้อม และยังได้รับสิ่งดีๆจากวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วงอีก ผมรู้สึกดีใจครับ และผมยังเชื่อมั่นในวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง ว่าเป็นของจริง ของแท้แน่นอน ที่ผู้ที่ใส่เข็มทองจะสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวของเราเองได้ตลอดเวลาครับ
พ.ต.ต. วรา ดึงเข็มทองให้มาปรากฎให้เห็นได้ด้วยตาเปล่าจากการใส่เข็มทองเป็นครั้งแรก
ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องถามท่านสารวัตรทั้งสองว่า มีอะไรอยากจะฝากบอกกับผู้ที่สนใจในวิชาเข็มทองนี้หรือไม่ ท่านสารวัตรทั้งสองก็ตอบคล้ายๆกันว่า ผมทั้งสองอยากจะฝากบอกกับท่านที่สนใจในวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วงว่า หากว่าเรามีความศรัทธาแล้ว เรื่องที่ไม่น่าเชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ก็จะเกิดขึ้นกับพวกเราได้ครับ หากท่านใดอยากสัมผัสกับวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วงนี้แล้วละก้อ เชิญท่านมาสัมผัสและพิสูจน์กันได้ที่วัดหนองม่วงครับ
ท่านพระอาจารย์ป้อม ดึงเข็มทองมาปรากฎให้ พ.ต.ต. วรา ได้เห็นจากการใส่เข็มทองเป็นครั้งแรก
บทความที่ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิชาเข็มทองในวันนี้ จากบทสรุปต่างๆที่ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องได้นำเสนอเรื่องราวของวิชาเข็มทองในตอนนี้นั้น ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวิชาเข็มทองนี้ ล้วนแล้วแต่พิสูจน์ได้ หาเหตุผลได้ในตัวเอง สามารถพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์สากล ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องหวังว่า การนำเสนอบทความในวันนี้ จะสามารถทำให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจในรายละเอียดในทุกแง่มุมของวิชาเข็มทอง วัดหนองม่วง ได้ไม่มากก็น้อย ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องอยากจะฝากถึงท่านผู้สนใจในวิชาเข็มทองนี้ว่า วิชาใดๆก็แล้วแต่หากท่านรับมาแล้ว ไม่หมั่นฝึกฝน ไม่หมั่นทำความดี ไม่ยึดถือตามข้อห้ามของครูบาอาจารย์แล้ว รับรองได้เลยว่า ท่านก็จะไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลใดๆได้เลย ทุกอย่างอยู่ที่จิตที่ยึดมั่นถือมั่นครับ ขอให้โชคดีทุกๆท่านไว้เจอกันในบทความครั้งต่อไปครับ ผมและทีมงานกะฉ่อนพระเครื่อง จะพยายามเฟ้นหาเรื่องราวดีๆมานำเสนอแด่ท่านผู้อ่านในโอกาสต่อไปครับ
เรียบเรียงภาพโดย แว่น วัดอรุณ
((สำนักข่าวกะฉ่อนดอมคอม ทีมงาน วิทย์ วัดอรุณ รายงาน))
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ(คลิ๊ก)
https://sacred.kachon.com/353522
ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก
ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก