ประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ 11
 

ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก

ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก

ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก

ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก

ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก

ประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ 11

สมเด็จพระพุฒาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ 11 นามเดิมว่า วน นามฉายาว่า ฐิติญาโณ นามสกุล วิชิตะกุล เป็นบุตรของพระวิชิตชาญณรงค์(เทศ วิชิตะกุล) เจ้าเมืองปราณบุรี และนางวิชิตชาญณรงค์(ทองอยู่ วิชิตะกุล) เกิดเมื่อวันที่  ๒๕  เมษายน  พ.ศ. ๒๔๓๗ ตรงกับวันพุธ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะเมีย เวลาประมาณ ๘.๐๐ น. ที่บ้าน ต.นารายณ์ อ.เมือง จ.เพชรบุรี สกุลวงศ์ทางโยมบิดา คือ เป็นบุตรพระยาวิชิตชาญณรงค์(ภู่) กับคุณหญิงวิชิตชาญณรงค์(อิ่ม) ทั้งพระยาวิชิตชาญณรงค์โยมปู่ และพระวิชิตชาญณรงค์โยมบิดา  เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองปราณบุรี  ซึ่งปัจจุบันมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พระยาวิชิตชาญณรงค์(ภู่) นั้น มีศักดิ์เกี่ยวข้องกับพระราชวงศ์  คือเป็นพี่ชายของเจ้าจอมมารดาจันทร์ในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาของกรมหลวงอดิศรอุดมเดช [พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช] ทรงเป็นต้นราชสกุล สุขสวัสดิ์

สำหรับสกุลวงศ์ทางโยมมารดา คือเป็นธิดาของหลวงบริบาลคีรี(ฤทธิ ศรียานง) และนางบริบาลคีรี(เผื่อน) ทั้งสองท่านเป็นเครือญาติกับพระมหาราชครูและพระญาณเวทวิธีโหร หลวงบริบาลคีรี(ฤทธิ) ได้รับพระบรมราชโองการจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้รักษาเขาวัง และบริเวณพระที่นั่งทั้งหมดในจังหวัดเพชรบุรีโดยสิทธิขาด เจ้าประคุณสมเด็จฯ  มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๘ คน ดังนี้ : ๑. ขุนวิชิตธนากร (วงศ์ วิชิตะกุล) ๒. ด.ญ. เวียน วิชิตะกุล(วายชนม์แต่ยังเล็ก) ๓. นางปรึก สมรสกับนายฮก ประจวบเหมาะ(วายชนม์แล้ว)

๔. เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(วน ฐิติญาโณ) ๕. นางวัน สมรสกับ นายทองคำ บัวงาม(วายชนม์แล้ว) ๖. น.ส.วอ วิชิตะกุล(วายชนม์แล้ว) ๗. พระมหาเทียบ กิตฺติปาโล ป.ธ. ๔(อดีตข้าราชการกรมสรรพสามิต) ๘. พ.อ.อ.วิเชียร วิชิตะกุล(อดีตทหารอากาศ) นอกจากนี้ ยังมีพี่น้องต่างมารดาอีก ๒ คน คือ ๑. พันตรี หลวงพลพินัยการ(ชะเอม วิชิตะกุล วายชนม์แล้ว) ๒. ด.ช. ออม วิชิตะกุล(วายชนม์แต่ยังเล็ก) 

การศึกษาเบื้องต้น
เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ มีอายุประมาณ ๗ ขวบ ท่านบิดาได้นำไปฝากให้เรียนหนังสือไทยกับพระครูสุทธาจารคุณ(อ่ำ) วัดนาห้วย อ.ปราณบุรี(ครั้งยังไม่ได้รับสมณศักดิ์) ต่อมาในปีเถาะ พ.ศ.๒๔๔๖ ท่านบิดาพามาฝากเป็นศิษย์ของพระอาจารย์แก้ว(หลวงปู่แก้ว) ซึ่งเป็นชาวเพชรบุรีด้วยกัน ที่วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ได้ศึกษาอักษรขอมและภาษาบาลีกับพระมหาถนอม คงคปญฺโญ ป. ๔ ในวัดเดียวกัน ต่อมาท่านบิดาได้นำไปฝากให้อยู่กับพระครูฌานวิรัต(โป๊ ธมฺมปาโล) วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ เรียนภาษาไทยและภาษาบาลีที่โรงเรียนกล่อมพิทยากร    ซึ่งตั้งอยู่ในวัดนั้นเอง สอบได้ประโยคที่ ๔ (เท่ากับมัธยมปีที่ ๖) เมื่ออายุ ๑๕ ปี อนึ่ง ในตอนนี้ท่านเจ้าจอมมารดาจันทร์ ได้ขอตัวเจ้าประคุณสมเด็จฯ ต่อท่านบิดา โดยจะรับอุปการะให้รุ่งเรืองในราชการต่อไป แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ยินดีในสมณเพศ และปรารถนาจะศึกษาในทางพระศาสนายิ่งกว่า จึงไม่ศึกษาต่อเพื่อเข้ารับราชการต่อไปอีก

บรรพชาและอุปสมบท
พ.ศ. ๒๔๕๑ บรรพชาขณะอายุได้ ๑๕ ปี พระอาจารย์หมก วัดพระเชตุพนฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่ในสำนักพระครูฌานวิรัต (โป๊  ธมฺมปาโล) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ ศึกษาภาษาบาลีต่อมา พ.ศ. ๒๔๕๗ อายุ ๒๑ ปี อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดนาห้วย อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ในปัจจุบัน โดยมีพระครูสุทธาจารคุณ(อ่ำ) เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระวันรัต(เผื่อน) ครั้งยังเป็นพระศากยบุตติยวงศ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ แล้วกลับมาจำพรรษา ณ วัดพระเชตุพนฯ

การศึกษา
พ.ศ. ๒๔๕๖   สอบได้นักธรรมชั้นตรี (ปีแรกที่เปิดสอบนักธรรมชั้นนี้) พ.ศ. ๒๔๕๖ สอบได้ ป.ธ. ๓ (เป็นองค์แรกของชาวประจวบฯ) พ.ศ. ๒๔๕๙ สอบได้ ป.ธ. ๔ พ.ศ. ๒๔๖๐ สอบได้นักธรรมชั้นโท (ปีแรกที่เปิดสอบนักธรรมชั้นนี้) พ.ศ. ๒๔๖๐ สอบได้ ป.ธ. ๕ พ.ศ. ๒๔๖๑ สอบได้ ป.ธ. ๖
พ.ศ. ๒๔๖๕   สอบได้นักธรรมชั้นเอก (ปีแรกที่เปิดสอบนักธรรมชั้นนี้)

งานปกครอง
 พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๔๗๗ เป็นอนุกรรมการมหาเถรสมาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นพระคณาจารย์เอก ในทางเทศนา พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นเจ้าคณะมณฑลปราจีน พ.ศ. ๒๔๘๓ เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๔๘๙ ย้ายไปดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นสมาชิกสังฆสภา และเป็นกรรมการคณะวินัยธรชั้นฎีกา พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นเจ้าคณะใหญ่หนใต้ พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระวิเชียรธรรมคุณาธาร พ.ศ. ๒๔๘๔ เป็นพระราชาคณะชั้นราชในราชทินนามเดิม พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพมุนี พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมไตรโลกาจารย์ พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระธรรมปัญญาบดี พ.ศ. ๒๕๐๖ สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์

งานสาธารณูปการ
บูรณะพระอุโบสถ พระวิหารและระเบียงวิหารคด พระพุทธรูปตามระเบียง(๑๒๐ องค์) พร้อมทั้งฐานชุกชี และกุฏิทั้งวัด บูรณะมณฑปและพระปรางค์ทิศ สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม “เผือกวิทยาประสาธน์” ด้วยทุนของคุณนายเผือก ยุวบูรณ์ สร้างเขื่อนคอนกรีตริมคลองวัดตอนเหนือและศาลาท่าน้ำ “โพธิอรุณ” ด้วยทุนของคุณนายเผือก ยุวบูรณ์ สนอให้รัฐบาลบูรณะองค์พระปรางค์ ซึ่งชำรุดทรุดโทรม รัฐบาลได้มอบให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการบูรณะด้วยเงินงบประมาณ ๑๕.๕ ล้านบาท ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๑ เป็นต้นมา ให้สร้างเมรุเผาศพพร้อมด้วยศาลาและสุสาน ในที่ว่างตอนหลังวัด ให้จัดตั้งเสาคอนกรีตติดไฟฟ้าตามถนนทั่วทั้งวัด และให้ต่อท่อประปาภายในวัด โดยเทศบาลในสมัยนั้นมิได้คิดค่าน้ำเลย 

ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๘ ถึงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ดังสำเนาประกาศต่อไปนี้

ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ
เรื่อง สมเด็จพระราชาคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ด้วยสมเด็จพระสังฆราชประชวรมาก ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ และมิได้ทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕  กระทรวงศึกษาธิการจึงขอประกาศ สมเด็จพระราชาคณะ  คือ  สมเด็จพระพุฒาจารย์ (วน  ฐิติญาโณ) วัดอรุณราชวราราม  ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยพรรษา  เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  จนกว่าสมเด็จพระสังฆราชจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ประกาศ ณ วันที่ ๙  พฤษภาคม ๒๕๐๘ (ลงชื่อ) หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ สิริชนมายุ ๘๓ ปี ๖ เดือน ๒๔ วัน

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม แว่น วัดอรุณ รายงาน

ประวัติวัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดโบราณ สร้างในสมัยอยุธยา ว่ากันว่าเดิมเรียกว่า วัดมะกอก และกลายเป็นวัดมะกอกนอกในเวลาต่อมา เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอก ส่วนเหตุที่มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดแจ้งนั้น เชื่อกันว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรีใน พ.ศ. 2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงพระราชทานชื่อใหม่ว่าวัดแจ้ง แต่ความเชื่อนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเพลงยาวหม่อมภิมเสน วรรณกรรม สมัยอยุธยาที่บรรยายการเดินทางจากอยุธยาไปยังเพชรบุรี ได้ระบุชื่อวัดนี้ไว้ว่าชื่อวัดแจ้งตั้งแต่เวลานั้นแล้ว เมื่อสมเด็จพระเจ้ตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้น ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2322

ก่อนที่จะย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามใน พ.ศ. 2327 ในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังเดิม และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 1 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อมา และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชธาราม” ต่อมามีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดตอบนยอดนภศูล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”

ด้านหน้ารูปถ่ายอัดกระจกหลวงปู่นาค วัดอรุณ ปี 2475

รวมวัตถุมงคลที่ พระเกจิอาจารย์ของวัดอรุณ ได้สร้างไว้ในอดีต

1.รูปถ่ายอัดกระจกหลวงปู่นาค วัดอรุณ
หลวงปู่นาคท่านได้เคยแจกรูปถ่ายติดกระจกข้าวหลามตัดในปี พ.ศ.2475 เนื่องในโอกาสทำบุญครบ 5 รอบอายุ 60 ปี ซึ่งจริงๆแล้วท่านหลวงปู่นาค ท่านไม่มีเจตนาจะสร้างรูปกระจกข้าวหลามตัดนี้เลย แต่ด้วยเพราะบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านในสมัยนั้นเห็นว่าปีนี้เป็นงานฉลองวันเกิดครบ 5 รอบอายุ 60 ปีของท่าน และก็อยากจะได้รูปถ่ายของท่านไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคลกัน จึงได้ไปขอให้ท่านหลวงปู่นาคสร้างรูปถ่ายติดกระจกข้าวหลามตัด

ด้านหลังรูปถ่ายอัดกระจกหลวงปู่นาค วัดอรุณ ปี 2475

ท่านหลวงปู่นาคจึงบอกว่าถ้าอย่างนั้นท่านไม่ขอยุ่งเกี่ยว ถ้าอยากได้กันจริงๆก็ให้ไปหาท่านพระอาจารย์พา วัดระฆังเพื่อขอคำแนะนำเพราะท่านพระอาจารย์พา วัดระฆังท่านได้ทำรูปถ่ายติดกระจกข้าวหลามตัดแบบนี้ขึ้นมาก่อนเมื่อปี 2471 เมื่อทำรูปถ่ายติดกระจกข้าวหลามตัดเสร็จแล้ว ลูกศิษย์จึงนำมาถวายท่านหลวงปู่นาคให้ท่านปลุกเสก และแจกในงานฉลองวันเกิดครบ 5 รอบอายุ 60 ปี

ด้านหน้าเหรียญพระปรางค์เนื้อเงิน วัดอรุณ ปี 2489 ที่หาชมได้ยากมาก

2.เหรียญพระปรางค์ วัดอรุณ ปี 2489
เป็นเหรียญที่สร้างครั้งแรกในคราวที่สมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ จากการที่ท่านเป็นคนเพชรบุรีอีกทั้งยังเป็นศิษย์น้องของท่านหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เหรียญรุ่นนี้จึงได้นิมนต์ท่านพระครูญาณวิลาศ (แดง)วัดเขาบันไดอิฐ มาอธิษฐานจิตและปลุกเสกให้

ด้านหลังเหรียญพระปรางค์เนื้อเงิน วัดอรุณ ปี 2489 ที่หาชมได้ยากมาก

และยังมีเกจิผู้เรืองวิทยาคมในยุคนั้นอีกมากมายถึง 108 รูปเพราะในปีพ.ศ. 2489 เป็นปีที่มีการสมโภชฉลองการบูรณปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดอรุณด้วย โดยเฉพาะสายวัดสุทัศก็มากันครบทีม เช่นท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) ผู้สร้างตำนานพระกริ่งต่อจากสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ เป็นต้นจึงนับได้ว่าเป็นเหรียญที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่งทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และบารมีของหลวงพ่อแดง แห่งวัดเขาบันไดอิฐและสมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) แห่งวัดอรุณ

ด้านหน้าเหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณ ปี 2506

3.เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณ ปี 2506
พิธีปลุกเสกเหรียญรุ่นนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่านที่ศัทธาในองค์สมเด็จพระเจ้าตากสินไม่ควรพลาด พิธีปลุกเสกในครั้งนั้นทางวัดอรุณ โดยท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(วน) เจ้าอาวาสวัดอรุณฯในสมัยนั้น

ด้านหลังเหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณ ปี 2506

ท่านได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ผู้เข็มขลังในพุทธาคมในยุคนั้นถึง 108 รูป มาทำพิธีพุทธาภิเษกเหรียญรุ่นนี้ไว้อย่างเต็มเปี่ยม จึงทำให้เหรียญรุ่นแรก สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณ ปี 2506 รุ่นนี้ น่าใช้ น่าเลี่ยมขึ้นคอเ ป็นอย่างยิ่ง

ด้านหน้าพระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ

4.พระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ
วัตถุมงคลของท่านพระครูลืมนั้น พระครูภาวนาวิจารณ์ (ลืม)ท่านได้สร้าง พระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าเบญจภาคีพระชัยวัฒน์ โดยท่านพระครูลืมท่านเป็นศิษย์ในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ฤทธิ์ ธมฺมสิริ) วัดอรุณราชวรารามและสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) ท่านจึงได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เป็นอย่างมาก เมื่อครั้งที่ท่านได้คิดที่จะสร้างพระชัยวัฒน์นั้น
สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์

ด้านหลังพระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ

จึงได้มอบชนวนพระกริ่งของท่านแก่ท่านพระครูลืมเพื่อเป็นมวลสารในการหล่อพระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ และท่านสมเด็จสังฆราชแพและท่านเจ้าคุณศรี(สนธิ์) ยังได้ร่วมปลุกเสก พระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณให้ด้วยทำเนียบเบญจภาคีพระชัยวัฒน์นั้นประกอบไปด้วย 1.พระชัยวัฒน์ท่านเจ้ามา วัดจักรวรรดิ 2.พระชัยวฒน์หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว 3.พระชัยวัฒน์สมเด็จสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ 4.พระชัยวัฒน์หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง 5.พระชัยวัฒน์พระครูลืม วัดอรุณ( แจ้ง)

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ดอกนี้แบบมีเชือกควั่นและลงรักปิดทองเป็นยุคต้นๆของท่านที่แจก

5.ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ราชาแห่งตะกรุดหนังหน้าผากเสือ

ท่านหลวงปู่นาคท่านยังได้สร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือวัดอรุณ เพื่อไว้แจกแก่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดจะไม่แจกพร่ำเพรื่อ เพราะตามตำราการทำตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาคที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อหว่าง วัดเทียนถวายนั้น ท่านจะต้องทำพิธีปลุกเสกตะกรุดหนังหน้าผากเสือวัดอรุณ ของท่านได้เฉพาะปีที่มีเสาร์ห้าเท่านั้น ซึ่งในสมัยนั้นหากลูกศิษย์ลูกหาคนใดอยากได้ ตะกรุดหนังหน้าผากเสือวัดอรุณของท่านหลวงปู่นาคเอาไว้บูชา ส่วนใหญ่จะพากันมาสั่งหนังเสือที่ร้านเจ้ากรมเป๋อหน้าวัดสามปลื้มเหตุเพราะในสมัยนั้นใครมีของป่าและยาสมุนไพรป่าก็จะนิยมนำมาขายหรือฝากขายที่ร้านนี้

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ดอกนี้แบบมีเชือกควั่นและลงรักปิดทองเป็นยุคต้นๆของท่านที่แจก

เมื่อได้มาแล้วจะนำส่วนหน้าผากของเสือมาตัดแบ่งตามขนาดใหญ่เล็กแล้วแต่ขนาดของหน้าผากเสือที่ได้มา ถ้าเล็กก็ประมาณ 1 นิ้วหากใหญ่ก็ไม่เกิน 2 นิ้วต่อ 1 ชิ้น หนังหน้าผากเสือซื่งเสือหนึ่งตัวจะสามารถตัดแบ่งหนังหน้าผากได้ไม่กี่ชิ้น จากนั้นจะนำมาแช่น้ำเพื่อขูดขนออกให้เกลี้ยงแล้วนำมาฝนให้หนังหน้าผากเสือมีความหนาที่บางลง เพื่อง่ายต่อการจารและม้วนเป็นตะกรุด เมื่อได้หนังหน้าผากเสือตามขนาดที่ต้องการแล้วก็จะนำมาถวายให้ท่านหลวงปู่นาคทำพิธีจารอักขระเลขยันต์ตามสูตร เมื่อจารอักขระเลขยันต์เสร็จแล้วท่านจะทำการม้วนตะกรุดโดยใช้ด้ายสายสินเล็กๆมาควั่นเพื่อมัดให้หนังเสือแห้งอยู่ตัวไม่คลายออก

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ดอกนี้ชนะการประกวดมาแล้ว 2 งาน

ซึ่งในยุดหลังๆปลายชีวิตท่านหลวงปู่นาค ท่านจะให้พระเณรหรือลูกศิษย์วัดในกุฎิของท่านทำการควั่นเชือกตะกรุดแทนท่านเมื่อเสร็จในขั้นตอนนี้แล้ว ก็จะทำการลงรักเพื่อรักษาให้หนังเสือมีการรัดตัวและมีอายุการใช้งานคงทนยืนนาน ซึ่งหนังเสือที่นำมาลงรักนั้นจะมีทั้งยังมีเชือกที่ควั่นไว้และไม่มีเชือกที่ควั่นไว้ก็มี และมีทั้งการลงรักแล้วปิดทองและไม่ปิดทองก็มี เมื่อเสร็จสมบูณ์เป็นตะกรุดหนังหน้าผากเสือแล้วท่านหลวงปู่นาค ท่านจะเริ่มปลุกเสกของท่านไปเรื่อยๆเพื่อรอให้ถึงฤกษ์เสาร์ห้าในปีนั้นๆจึงจะทำพิธีปลุกเสกใหญ่ในวันเสาร์ห้าอีกครั้ง เมื่อเสร็จจากพิธีปลุกเสกใหญ่ในวันเสาร์ห้าแล้วท่านหลวงปู่นาค ท่านจึงจะทำการแจกจ่ายกับศิษย์ที่ศัทธา หรือศิษย์ที่ได้นำหนังหน้าผากเสือมาไว้ให้ท่านทำพิธีให้ จะเห็นได้ว่าด้วยขั้นตอนวิธีการทำที่สลับซับซ้อนของการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาค วัดอรุณ จึงทำให้ได้ตะกรุดหนังหน้าผากเสือวัดอรุณ ที่มีจำนวนค้อนข้างน้อยและมีจำนวนการสร้างที่มีจำนวนจำกัดเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้เป็นที่ใฝ่หาของบรรดาท่านที่นิยมศรัทธาในองค์หลวงปู่นาค วัดอรุณเป็นอย่างยิ่ง จนในยุคปัจจุบันนี้จะหาตะกรุดหนังหน้าผากเสือวัดอรุณ ของท่านจริงๆชมกันได้ยากยิ่ง ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาค วัดอรุณ นั้นเข้มขลังมาก มีประสบการณ์มากมาย ถึงขนาดใครใส่ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านเดินผ่านคอกวัวควายในสมัยนั้นยยยยยยยย  วัวควายยังตื่นกลัววิ่งหนีแตกตื่นกันอย่างลนลาน

ใบประกาศชนะราวัลที่ 1 ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ

ป.ล.ขั้นตอนการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาค วัดอรุณ ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนสงสัยมาหลายสิบปี เพราะเป็นเพียงการได้ฟังมาจากคุณลุงกวี อรรถโกวิทซึ่งท่านก็ฟังมาจากคุณปู่กร อรรถโกวิทซึ่งเป็นพ่อของท่านอีกที จึงยังมีข้อสงสัยในใจอยู่อีกหลายอย่าง แต่เมื่อได้มารู้จักกับคุณอนุสิษฐ์ บุญมาก ซึ่งคุณตาทั้งสามท่านของคุณอนุสิษฐ์ บุญมาก ท่านเคยมารับใช้ท่านหลวงปู่นาคอยู่ที่วัดอรุณในสมัยที่ท่านหลวงปู่นาคท่านยังมีชีวิตอยู่ คือ 1.คุณตากุ 2.คุณตาม้วน 3.คุณตามิ่ง ก่อนที่พวกท่านและชาวปทุมธานีอีกหลายท่าน จะเดินทางกลับไปอยู่ที่วัดเทียนถวายเมื่อท่านหลวงปู่นาคท่านได้มรณะภาพลง ผู้เขียนจึงได้ไหว้วานขอให้คุณอนุสิษฐ์ บุญมากไปช่วยสอบถามถึงขั้นตอนการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาค วัดอรุณ จากคุณตามิ่งให้อีกครั้ง เพื่อยืนยันถึงสิ่งที่ได้รับรู้มาจากคุณลุงกวี อรรถโกวิท ว่าจะตรงกันหรือไม่(ซึ่งขณะที่ทำการบันทึกนี้ คุณตามิ่งท่านยังมีชีวิตอยู่) ก็ได้ข้อมูลที่ตรงกันคือ "เมื่อม้วนตะกรุดหนังหน้าผากเสือเสร็จแล้ว ท่านหลวงปู่นาคท่านจะเอาด้ายสายสินเส้นเล็กๆสีขาวมาควั้นเพื่อยึดตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านไว้เพื่อไม่ให้คลายตัวออก" จึงได้ลงบันทึกการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือของท่านหลวงปู่นาค วัดอรุณ ที่ถูกต้องนี้ไว้ เพื่อมิให้ขั้นตอนการสร้างตะกรุดหนังหน้าผากเสือของหลวงปู่นาค วัดอรุณที่ถูกต้องได้สูญหายไป

ใบประกาศชนะราวัลที่ 1 ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ

6.พระผงน้ำมันวัดอัมพวา คุณค่าระดับ'พระสมเด็จ'
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณได้สร้างพระผงน้ำมันนี้ขณะครองวัดอรุณฯ แล้วนำไปบรรจุไว้ที่วัดอัมพวา เมื่อครั้งที่ท่านได้ไปบูรณะวัดนี้ราวปี ๒๔๕๐ เนื่องจากท่านเกิดและเติบโตบริเวณวัดอัมพวา ซึ่งในขณะนั้นมีสภาพใกล้เป็นวัดร้างเต็มที นอกจากนี้ท่านเจ้าประคุณยังได้นำชุดนี้ไปบรรจุกรุอีกหลายวัด ย่านบ้านช่างหล่อ พรานนก ซึ่งเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าประคุณทั้งสิ้น เช่น วัดนาคกลาง วัดดงมูลเหล็ก รวมทั้งที่กรุเจดีย์เล็กวัดอรุณฯ ซึ่งถูกขโมยเจาะเจดีย์เพื่อล้วงเอาพระมาแล้วครั้งหนึ่งในคืนฝนตก

เมื่อปี ๒๕๐๓แต่พระชุดนี้ชาวบ้านและวงการพระเครื่องเรียกกันจนคุ้นหูว่า พระผงน้ำมันวัดอัมพวา เนื่องจากมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่วัดนี้ เมื่อปี ๒๔๘๔ คราวสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยพระครูแป้น รชโฏ เจ้าอาวาสวัดอัมพวา ครั้งนั้นได้นำพระออกมาแจกเพื่อบำรุงขวัญทั้งทหาร ตำรวจ และชาวบ้านในย่านนั้น ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไบางกอกน้อย อันเป็นที่ตั้งกองกำลังสำคัญของทหารญี่ปุ่น เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ว่ากันว่า คนที่มีพระผงน้ำมันวัดอัมพวา รอดตายจากเหตุการณ์สงครามครั้งนั้นทุกคน (วัดอัมพวา ตั้งอยู่ที่ถนนอิสรภาพ ใกล้สี่แยกพรานนก บางกอกน้อย ธนบุรี)พุทธคุณของพระผงน้ำมันวัดอัมพวา นับว่าดีเด่นเหลือคณานับ โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากภยันตราย กลับร้ายกลายเป็นดี กลับศัตรูให้กลายเป็นมิตร เป็นที่ยกย่องนับถือของคนยุคเก่าก่อนมาแสนนาน

แม้แต่ "อาจารย์เซีย บุษปบุตร" นักนิยมพระเครื่องระดับอาวุโสผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเคยเช่าบูชาพระผงน้ำมันวัดอัมพวา ถึงองค์ละ ๘๐ บาท และเช่าตะกรุดกลับศัตรูเป็นมิตร ซึ่งทำจากทองคำ ของยายเมี้ยน หมอตำแย ผู้ได้รับมอบตะกรุดมาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถึงดอกละ ๕๐๐ บาท เมื่อปี ๒๕๐๕ ในขณะที่ราคาซื้อขายทองคำเพียงบาทละ ๓๘๐ บาทเท่านั้นนอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่า เจ้าสัวคนหนึ่ง นับจากข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากในเมืองไทย มีเพียงพระผงน้ำมันวัดอัมพวาติดตัวอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น ท่านได้พึ่งพาพระพุทธคุณมาตลอด จนกระทั่งตั้งตัวได้ กลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังมูลค่าหลายพันล้าน และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเมืองไทยในปัจจุบัน

ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องมีเจตนาที่จะขอร่วมอนุรักษ์และรวบรวมพระเครื่องพระพิมพ์ต่างๆของวัดอรุณ ที่ท่านพระเกจิอาจารย์ในยุคก่อนๆของวัดอรุณได้สร้างไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์และเกียรติประวัติแด่ท่านพระเกจิอาจารย์ของวัดอรุณในอดีต และจะเป็นมาตรฐานในการศึกษาค้นคว้าต่อไปของอนุชนรุ่นหลังที่สนใจในวัตถุมงคลของสายวัดอรุณ ทีมงานกะฉ่อนพระเครื่องขอขอบคุณ คุณวิทย์ วัดอรุณ(อัครวิทย์ รัตนประสิทธิ์) ที่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกบางส่วนที่ท่านได้ฟังจากคุณลุงกวี อรรถโกวิทซึ่งคุณลุงกวี ท่านก็ได้ฟังตกทอดมาจากคุณปู่กร อรรถโกวิท พ่อของท่าน ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ผู้รู้จริงและทันในเหตุการสร้างวัตถุมงคลหลายๆพิธีของวัดอรุณ และได้เอื้อเฟื้อภาพวัตถุมงคแท้ๆของวัดอรุณ ที่หาชมได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้

เรียบเรียงโดย แว่น วัดอรุณ

หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอทคอม ทีมงาน วิทย์ วัดอรุณ รายงาน

.......

บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต(มีคลิป)
https://bit.ly/2P0sbzR



หน้าแรก กระฉ่อนพระเครื่อง
รวมรุ่นองค์พ่อจตุคามรามเทพ
รวมข้อมูลพระเครื่องรุ่นต่าง ๆ
รวมข้อมูลพระเกจิอาจารย์ ทั่วไทย
พุทธศิลป์ในประเทศไทย
ข่าว องค์พ่อจตุคาม
ข่าวสารพระเครื่อง
ซื้อ-ขายจตุคามรามเทพ
ซื้อ-ขายพระเครื่อง
ซื้อขายลูกปัด-หินทิเบต-ของเก่า
ถาม-ตอบเกี่ยวพระเครื่อง
กะฉ่อน กับ สื่อหนังสือพิมพ์
กะฉ่อน กับ สื่อหนังสือพระเครื่อง
Email
Password
 


สมัครสมาชิก | ลืมระหัสผ่าน

ตะกรุดสาริกาของู พระอาจารย์ป้อม
watnongmuang.com
  พระยอดนิยม


หน้าแรก | เว็บบอร์ด | พระเครื่อง | เพื่อน MSN | ฝากรูปฟรี | ทีวีออนไลน์ | เกมส์ | เทคโนโลยี | หนังใหม่ | คลิปวิดีโอ | เพศศึกษา | กะฉ่อนพาเที่ยว | กะฉ่อนพากิน | นางแบบ | มือถือ | ไดอารี | พิตตี้ | ทีมงานกะฉ่อน.คอม